"ดวงกมล" แนะ SME นำหลัก ESG มาปรับใช้ ช่วยเพิ่มกำไร คืนทุนเร็ว

Posttoday จัดเวทีเสวนา Post Today SMART SME “ EMPOWERING THE NEXT WAVE OF SME “ ณ ห้อง รอยัล มณียา บอลรูม A โรงแรมเรอเนซองส์ กรุงเทพฯ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ค้นหาทางออกจากสารพัดปัจจัย กดดัน SME ไทยรอบทิศทาง ไม่ว่าจะเป็น อัตราดอกเบี้ยสูง เตรียมขึ้นค่าแรง สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศแย่งตลาดคู่แข่งใช้ AI ช่วยเพิ่มยอดขาย การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ และวิกฤตโลกเดือด โดยมีผู้นำองค์กรภาครัฐและเอกชนร่วมเปิดวิสัยทัศน์

ในช่วง “เติมพลังเสริมแกร่ง SME” คุณดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ให้ความเห็นว่า การเตรียมความพร้อมให้ SME ไทยเติบโตอย่างยั่งยืน เราต้องก้าวข้ามความท้าทายหลายด้าน ซึ่งเทรนด์โลกใหญ่ๆในปัจจุบันที่จะกระทบ SME ไทยโดยตรงได้แก่ 

1.ESG หรือ แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน 

ในปัจจุบัน SME ที่เล็งเห็นความสำคัญ และเริ่มนำหลัก ESG ไปปรับใช้นั้นมีเพียง 14% ขณะที่อีก 74% ยังขาดการรับรู้ ขาดความเข้าใจที่จะนำมาปรับใช้ในโมเดลธุรกิจของตน ซึ่งในอนาคตธุรกิจใดที่ไม่นำหลัก ESG มาปรับใช้ จะส่งผลกระทบในเรื่องภาพลักษณ์ การขยายตลาด การดำเนินกิจการ แกนหลักธุรกิจ ไปจนถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เนื่องจาก ในอนาคตการปล่อยสินเชื่อของธนาคารจะไม่ได้พิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้อีกต่อไป แต่จะพิจารณาไปจนถึงว่าธุรกิจนั้นๆสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยขนาดไหน?

ปัจจุบัน นโยบายดังกล่าว มีการนำมาปรับใช้แค่ในภาคอุตสาหกรรมพลังงานและการขนส่ง แต่ในอนาคตจะนำมาปรับใช้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นภาคการค้า การผลิต การเกษตร รับเหมาก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะกระทบ SME โดยตรงหากไม่ปรับตัวให้ธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะหาก SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยากขึ้น ต้นทุนการเงินก็จะเป็นปัญหาหลัก อย่างไรก็ตาม อยากให้มองเทรนด์ดังกล่าวเป็นโอกาสมากกว่าอุปสรรค เนื่องจากผลสำรวจของกรุงศรีพบว่าลูกค้า 90 % ยินดีจ่ายเงินเพิ่มหากสินค้านั้นๆมีความใส่ใจในเรื่อง ESG ดังนั้นสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถปรับราคาขายได้ กำไรก็จะเพิ่มขึ้น ช่วยคืนทุนเร็วขึ้น

2.เทรนด์ดิจิทัล 

เป็นกระแสที่ประเทศไทยปรับใช้ได้อย่างรวดเร็วในช่วงโควิด ตัวเลขจากภาคประชาชนปรับตัวเกิน 85% แต่กับภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SME มีการปรับใช้ดิจิทัลค่อนข้างน้อย ซึ่งประโยชน์ของการนำดิจิทัลมาปรับใช้จะช่วยสร้างประโยชน์ต่อ SME ในหลายด้าน เช่น Digital Marketing, กระบวนการภายใน, ระบบจัดซื้อ, Data analytic, R&D ,รวมถึงช่วยประหยัดทรัพยากรบุคคลในกระบวนการทำงานบางส่วน

3. Geopolitic หรือ ภูมิรัฐศาสตร์

ผลกระทบในแง่การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างประเทศส่งผลต่อ Value Chain ระดับโลก ซึ่งไม่ว่าเราจะเป็น Buyer หรือ Supplier ที่ดีแค่ไหน แต่ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความตึงเครียด เขาก็สามารถเปลี่ยนเจ้าได้ตลอดเวลา ซึ่ง SME ควรมองให้เป็นโอกาสจากการขยายฐานการผลิต หรือการสั่งซื้อ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าได้รับประโยชน์จากจุดนี้โดยตรง นอกจากนี้ ในพื้นที่ ASEAN ยังนับเป็นพื้นที่การตลาดที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากโครงสร้างประชากรของ ASEAN อยู่ในช่วงการเติบโต การจับจ่ายใช้สอย ต่างจากไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย SME ควรมองพื้นที่ ASEAN เป็นโอกาสในการซื้อขายระหว่างประเทศ

ขณะที่ในฝั่งธนาคารกรุงศรี มียุทธศาสตร์การดำเนินงาน 3 Go Strategy ได้แก่ Go Green, Go Digital, Go Beyondเช่น Transition Loan การปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน, ให้รางวัลแก่ SME ที่มีความเป็นเลิศด้าน ESG, จัดหลักสูตรให้ความรู้ด้าน ESG แก่ผู้ประกอบการ รวมุถึงยังมีแพลตฟอร์ม B2B เช่น Krungsri Business Link ที่สามารถซื้อขายสินค้าได้ในคลิกเดียว, Krungsri Business Matching หนุน SME ได้พบปะกับลูกค้าทั้ง Online และ Offline, ASEAN Link แพลตฟอร์มพร้อมตอบคำถามธุรกิจที่ต้องการบุกตลาด SME โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งยุทธศาสตร์เหล่านี้จะช่วยสนับสนุนให้ SME ไทยไปต่อได้ ทุกการเปลี่ยนผ่าน ทุกการปรับตัว และเติบโตได้อย่างยั่งยืน