ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ส่งจดหมายเปิดผนึกเร่งด่วนถึงนายกฯ

นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารส่งจดหมายเปิดผนึกเร่งด่วน กราบเรียน นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน โดยมีเนื้อหาดังนี้

เนื่องจากสถานการณ์สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ซบเซาอย่างหนักซึ่งมาจากกําลังซื้อของประชาชน คนไทยที่ไม่มีเหลือ รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบทั้งผักสดและอื่น ๆ ขึ้นราคาสูงถึง 50% รวมทั้งค่าไฟฟ้าที่เป็นปัญหา หลัก ที่สําคัญนักท่องเที่ยวที่มาน้อยลงอย่างมาก ดังนั้นทางชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารจึงขอความกรุณา ให้นายกรัฐมนตรีรีบออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือเป็นการด่วน ตั้งแต่ร้านอาหารสตีทฟู้ดริมทาง จนถึงร้านอาหาร SMEs ก่อนที่จะได้รับความเสียหายดายกันหมด ที่สําคัญธุรกิจร้านอาหารยังสามารถสร้าง GDP ของประเทศให้โตขึ้นได้เพราะเป็นธุรกิจที่มีห่วงโซ่ซัพพลายเชนที่ใหญ่มาก ซึ่งจะส่งผลกับผู้ค้าขายใน ตลาดสด, ภาคการเกษตรต่าง ๆ, ภาคแรงงาน พนักงานที่มีอยู่ในธุรกิจนี้มหาศาล

ดังนั้นจึงขอให้นายกรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจช่วยเร่งพิจารณาเป็นการด่วนในมาตรการเหล่านี้ ซึ่งจะพอช่วยพยุงให้ภาคเศรษฐกิจร้านอาหารยังต่อลมหายใจไปได้

1. แก้ไขกฎหมายที่ล้าหลังในการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารในช่วงเวลา 14.00 น. – 17.00 น. ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2515 โดยคําสั่งคณะปฏิวัติ ซึ่งขัดแย้งกับยุคสมัยในปัจจุบันที่ประเทศ ไทยเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมามาก รวมถึงเราเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นหลัก

2. ลดภาษีโรงเรือนให้สําหรับธุรกิจร้านอาหารเพราะเนื่องจากเป็นธุรกิจที่ทุกวันนี้โดนภาษี ต่าง ๆ มากมายอยู่แล้วและยังมาโดนภาษีโรงเรือนที่เปลี่ยนมาใช้อัตราก้าวหน้าอีก ซึ่งทําให้เป็น ภาระใหญ่กับผู้ประกอบการมาก

3. เร่งออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายโดยแบ่งเป็น 2 ส่วน

3.1 มาตรการกระตุ้นให้กับร้านอาหารอย่างกลุ่ม SMEs เช่น บุคคลธรรมดาสามารถเก็บใบกํากับ ภาษี เพื่อนําไปลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 20,000 บาท และในส่วนของบริษัท ห้างร้าน นิติ บุคคลสามารถนําบิลไปลดหย่อยภาษีค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน 100,000 บาท เป็นต้น

3.2 ออกมาตรการเงินสดลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนทั่วไปคนละ 2,000 บาท 3 เดือน โดยให้เป็น เงินเดิมในแอปกระเป๋าตังค์ เพื่อให้ประชาชนนําไปใช้จ่ายซื้ออาหารได้อย่างเดียว ตั้งแต่ร้าน ข้างทางไปจนถึงร้าน SMEs ด้วย

ซึ่งพวกเราที่ประกอบธุรกิจร้านอาหารหวังเป็นอย่างยิ่งว่านายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสินจะเข้าใจและใช้หัวใจฟังความเดือดร้อนอย่างสาหัสของพวกเราและเร่งแก้ไขช่วยเหลือพวกเราโดยเร่งด่วน

ทั้งนี้ ธุรกิจร้านอาหารเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้าง GPD ให้กับประเทศไทยมูลค่าสูงมาโดยตลอด รวมถึงเป็นธุรกิจที่มีห่วงโซ่ซัพพลายเชนใหญ่มากมีผลกระทบต่อแม่ค้าในตลาดสด, ภาคการเกษตร, ภาคแรงงาน ซึ่งขณะนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ประชาชนไม่มีกำลังซื้อรวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศน้อยลง รวมถึงวัตถุดิบต่าง ๆ ขึ้นราคาเป็นจำนวนมาก ทำให้ธุรกิจร้านอาหารปิดตัวลงเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง