Microspike นวัตกรรมแผ่นเข็มจิ๋ว เบื้องหลังความงามแบรนด์ดังระดับโลก

ลลิตภัทร ศุภประภากร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท สไปก์ อาร์ชิ เทคโทนิคส์ จำกัด พาเล่าย้อนเมื่อ 7 ปี ก่อนถึงที่มาของ Microspike ว่า เราคือนักวิจัยที่นาโนเทค เราเห็นงานวิจัยนี้มาตั้งแต่ 7 ปีก่อน แต่เทคโนโลยี “ไมโครนีดเดิล” ไม่สามารถนำออกสู่ตลาดได้ และหากจะนำลิขสิทธิ์ให้กับเอกชนไปทำ เราก็เกรงว่าเอกชนจะไม่สามารถทำได้ในแบบที่เราคาดหวังไว้ ดังนั้นเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา จึงนำออกมาทำเอง เป็น Deep Tech สตาร์ทอัพ โดยมีทุนก้อนแรกจากประเทศญี่ปุ่น มาเปิดบริษัทโดยมี ต่อตระกูล พูลโสภา เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมื่อมีเงินทุนก้อนแรกเราจึงลงทุนตั้งโรงงานผลิตที่ปทุมธานี ด้วยเงินจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อผลิตแผ่นเข็มจิ๋ว มีจุดเด่นคือ สามารถผลิตแผ่นเข็มจิ๋วได้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ต้นทุนต่ำกว่า เกาหลี 10 เท่า โดยเมื่อเปิดทำตลาดตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566 มียอดขายแล้ว 2 ล้านบาท 

ผลิตภัณฑ์ของเรามี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเครื่องสำอาง 70 % สำหรับทำมาร์ค ลดเรือนริ้วรอย ฝ้ากระ จุดด่างดำ สิวอักเสบ ขาวกระจ่างใส ขึ้นอยู่ส่วนผสมครีมของลูกค้าที่นำสินค้าของเราไปสร้างแบรนด์ กลุ่มเซเลบิตี้ คลินิกที่ต้องการมีแบรนด์ของตนเอง ต่างประเทศมี สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และ ฝรั่งเศส และกลุ่มสุขภาพ  30 % ซึ่งเราได้ทำงานร่วมกับโรงพยาบาลพญาไท เปาโล ในการบรรเทาอาการข้อเข่าเสื่อม และช่วยปลูกผม 

ลลิตภัทร เล่าว่า ประเทศไทยมีสารสกัดสำคัญจำนวนมาก และมีผู้ประกอบการที่ต้องการทำสินค้าใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา ตลาดนี้จะขับเคลื่อนตลาดเครื่องสำอางอีกมาก เพราะเกาหลีเอง ก็มีเทคโนโลยี “ไมโครนีดเดิล” คล้ายกับเรา แต่ต้นทุนสูง คู่หนึ่ง 670 บาท ขณะที่เราทำได้น้อยลงกว่าเขา 10 เท่า 

ตอนนี้เรากำลังมีออเดอร์จากสิงคโปร์แล้ว ยังมีเซ็นเอ็มโอยูกับฝรั่งเศส ในการพัฒนามาร์คหน้าให้แบรนด์เขา เราไม่มีแบรนด์ของเราเอง แต่สินค้าของลูกค้าต้องติดแบรนด์ว่าเป็นเทคโนโลยีจาก Microspike เราจึงได้ลงทุนอีก 32 ล้านบาท ในการขยายกำลังการผลิตจากจาก 5 ล้านตารางเซ็นติเมตร เป็น 40 ล้านตารางเซ็นติเมตร ภายใน 3 เดือน 

สำหรับเทคโนโลยี “ไมโครนีดเดิล” เป็นเข็มที่มีขนาดเล็กมากกว่า 10 ไมโครเมตร หรือเล็กกว่าเส้นผมเกือบ 10 เท่า สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังได้อย่างง่ายดาย โดยเข็มนี้ทำหน้าที่นำส่งสารสำคัญต่างๆ เข้าสู่ชั้นผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สร้างความเจ็บปวดหรือก่อให้เกิดร่องรอยถาวร สามารถนำไปประยุกต์ใช้ทั้งในด้านอุตสาหกรรมความงาม สุขภาพและการแพทย์อนาคต โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีไมโครนีดเดิลเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับทั่วโลก ถือเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่น่าจับตา สามารถพัฒนาไปได้ไกลและมีโอกาสทางการตลาดสูง

ผลงานดังกล่าว ดร.ไพศาล ขันชัยทิศ หัวหน้าทีมวิจัยเข็มระดับนาโน กลุ่มวิจัยวัสดุตอบสนองและเซ็นเซอร์ระดับนาโน ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเข็มขนาดไมโครเมตรบนผืนผ้าอย่างรวดเร็ว ที่เรียกว่า “เทคโนโลยีไมโครสไปก์” เพื่อปลดล็อคข้อจำกัดของเทคโนโลยีการผลิตเข็มไมโครนีดเดิลที่มีอยู่ในปัจจุบัน

เทคโนโลยีไมโครนีดเดิลเริ่มเป็นที่แพร่หลายในระดับโลกมาระยะหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ดี ดร.ไพศาลเผยว่า เทคโนโลยีนี้ยังไม่ค่อยพบมากในบ้านเรา เนื่องจากปัญหาคอขวดเรื่องการผลิตในระดับอุตสาหกรรมที่ยังมีราคาค่อนข้างสูง และยังมีตัวเลือกไม่มาก ทีมวิจัยจึงได้พัฒนากระบวนการผลิตที่เรียกว่า เทคโนโลยีไมโครสไปก์ ที่สามารถลดข้อจำกัดดังกล่าว ด้วยการออกแบบที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การใช้งานและสมบัติของสารที่ต้องการให้ซึมสู่ชั้นผิวหนัง

ทั้งนี้ ผลงานนวัตกรรม “กระบวนการผลิตเข็มขนาดไมครอนบนผืนผ้าแบบรวดเร็วและสามารถปรับเปลี่ยนฟีเจอร์” (Instant production of microneedle fabrics with customizable features) โดย ดร.ไพศาลและคณะ ได้รับรางวัลเหรียญทองจากการประกวด ผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมในเวที SPECIAL EDITION 2022–INVENTION GENEVA EVALUATION DAYS ณ สมาพันธรัฐสวิส โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

จากความสำเร็จของการวิจัยพัฒนาและความโดดเด่นของเทคโนโลยีไมโครสไปก์ จึงนำมาสู่การจัดตั้ง บริษัท สไปก์ อาร์ชิ เทคโทนิกส์ จำกัด ซึ่งเป็น 1 ใน 9 บริษัทดีปเทคสตาร์ตอัป (Deep Tech Startup) ภายใต้โครงการ “NSTDA Startup” ของ สวทช. เพื่อต่อยอดเทคโนโลยีไมโครสไปก์สู่การผลิตในระดับอุตสาหกรรม

สำหรับปีนี้ Microspike แผ่นเข็มจิ๋วออกแบบได้ตามสั่ง ของ บริษัท สไปก์ อาร์ชิ เทคโทนิคส์ จำกัด ได้รับรางวัลชนะเลิศ ด้านนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์เศรษฐกิจ ในงานประกวดเพื่อชิงรางวัลสุดยอดนวัตกรรม 7 Innovation Awards ประจำปี 2024