มาตรการแก้หนี้ SME ช่วยซื้อเวลาฝ่าเศรษฐกิจซบเซา
SME เห็นด้วยมาตรการแก้หนี้ แม้เป็นการซื้อเวลา เผยสิ่งสำคัญที่ต้องชัดคือเรื่องค่าแรง เหตุเป็นปัญหาต้นน้ำ ทำต้นทุนพุ่ง นักลงทุนต่างชาติลังเลหันลงทุนประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ปัญหาสินค้าจีนราคาถูกทะลักไทย ส่อแววรุนแรง หลัง สหรัฐ เวียดนาม อินโดฯ กีดกันสินค้าจีน
นายแสงชัย จิตบุญทวีสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) บริษัท สหชัยโปรโมชั่น จำกัด ผู้ผลิตเครื่องใช้ครัวเรือนนวัตกรรมพลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้ แบรนด์รักษ์โลก "Bioplustiq" เปิดเผยกับ โพสต์ทูเดย์ ถึงมาตรการแก้หนี้ SME ว่า เห็นด้วยกับมาตรการลดค่างวดและดอกเบี้ย 3 ปี สำหรับสินเชื่อธุรกิจ SME วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท เพราะถือเป็นมาตรการระยะยาว แม้จะเป็นการซื้อเวลา แต่ก็ช่วยให้ SME ผ่านพ้นในช่วงเศรษฐกิจที่ซบเซาไปได้
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาระยะยาวที่รัฐบาลต้องทำ คือ เรื่องค่าแรงงาน เนื่องจากเป็นปัญหาที่ต้นน้ำ หากจะขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 400 บาท สามารถทำได้ แต่ต้องชัดเจน และมีการแจ้งล่วงหน้าเพื่อให้ทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างชาติรู้นโยบายที่ชัดเจน เพราะมีผลต่อการลงทุน จะเลือกใช้เทคโนโลยีแทนคน หรือไม่ อย่างไร เพราะทุกวันนี้แรงงาน 80 % เป็นแรงงานต่างด้าว หากไม่มีความชัดเจน นักลงทุนก็จะเลือกไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นแล้วว่านักลงทุนหันไปลงทุนที่มาเลเซีย และเวีดนาม แทนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย
อีกปัญหาหนึ่งคือ เรื่องสินค้าจีนทะลักเข้าไทย ทำให้ SME ไม่สามารถแข่งขันเรื่องราคาได้ และหากSME เข้าไปลดคุณภาพเพื่อต้องการแข่งราคากับสินค้าจีน ก็จะยิ่งทำให้แบรนด์สินค้าไทยที่ต่างชาติมองว่าเป็นสินค้าพรีเมียมถูกมองว่าไม่มีคุณภาพกันทั้งระบบได้ ตอนนี้ทั้งสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ต่างตั้งกำแพงภาษีกีดกันสินค้าจีน แน่นอนว่าสินค้าจีนต้องหันมาที่ประเทศไทย หากรัฐบาลยังไม่มีมาตรการป้องกันอย่างชัดเจน
นอกจากการสนับสนุนด้านผลิตภัณฑ์ที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมสินค้า SME ให้มีคุณภาพแล้ว การต่อยอดเพื่อให้สามารถสร้างแพลตฟอร์มและทำตลาดออนไลน์ได้ เป็นสิ่งสำคัญ
สำหรับรายละเอียดมาตรการแก้หนี้ SME ประกอบด้วย
-ต้องเป็นสินเชื่อธุรกิจ SME วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท
-ลดค่างวดเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยลูกหนี้ชำระค่างวดขั้นต่ำที่ 50% 70% และ 90% ของค่างวดเดิม ในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ตามลำดับ ซึ่งค่างวดทั้งหมดจะนำไปตัดเงินต้น
-พักดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับยกเว้นทั้งหมด หากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขได้ตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีที่อยู่ภายใต้มาตรการ
-เป็นสินเชื่อที่ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2567
-มีสถานะหนี้ ณ วันที่ 31 ต.ค.2567 อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
1.เป็นหนี้ที่ค้างชำระเกินกว่า 30 วัน แต่ไม่เกิน 365 วัน
2. เป็นหนี้ที่ไม่ค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน แต่เคยมีประวัติการค้างชำระเกิน 30 วัน และได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565