พลิกเกมจากถูก “เลย์ออฟ” สู่ เจ้าของธุรกิจ Luxury Spa “divana” รายได้ 600 ล้าน
เหตุการณ์ช็อคโลก 9/11 ที่ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินโดยสารของสหรัฐอเมริกา 4 ลำ และบังคับบินชนตึกสูงระฟ้า 2 ตึก ในนครนิวยอร์ก ทุกคนคงจำกันได้ดี รวมไปถึง 2 คนนี้ จะไม่มีวันลืมเหตุการ์นี้เช่นกัน คือ “พัฒนพงศ์ รานุรักษ์” และ “ธเนศ จิระเสวกดิลก” ซึ่งขณะนั้นทำงานประจำเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินสวิสแอร์
ผ่านมาเพียง 2 เดือน จากเหตุการณ์ 9/11 ทั้ง 2 คน ถูกเลย์ออฟออกจากงานประจำ กลายเป็นคน “ตกงาน” แต่ก็ถือเป็นจุดพลิกวิกฤตชีวิต ได้เริ่มต้นทำธุรกิจ divana Spa ในปี 2544
จุดเริ่มต้นธุรกิจ “ในวิกฤตมีโอกาสใหม่เสมอ”
“พัฒนพงศ์ รานุรักษ์” หรือ ตี๋ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ดีวานา เวลเนส จำกัด เล่าย้อนให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ก็เกิดจากที่ถูกเลย์ออฟหรือให้ออกจากการเป็นพนักงานต้อนรับสายการบินสวิสแอร์ ซึ่งตอนแรกหลังจากที่ถูกเลย์ออฟคิดว่าจะไปขายน้ำเต้าหู้
แต่ “ธเนศ จิระเสวกดิลก” หรือ ตง ซึ่งได้เจอและเป็นเพื่อนกันตอนเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินสวิสแอร์ เขาได้ทำวิทยานิพนธ์เรื่อง “โอกาสความเป็นไปได้ของธุรกิจสปาไทย” และเขามี Passion ซึ่งในความหมายของเรา คือ บ้าในสิ่งที่รัก ประกอบกับเราทั้ง 2 คน มี mindset เดียวกัน ชอบเรื่องสุขภาพ ป่าเขา ออนเซน
อีกทั้งตอนที่เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินสวิสแอร์ ได้เห็นโมเดลของธุรกิจสุขภาพที่มีมาตรฐานและการให้บริการระดับเฟิร์สคลาสของสวิสเซอร์แลนด์ จึงได้เริ่มทำธุรกิจสปาระดับพรีเมียม “divana” ตั้งแต่ตอนนั้น ด้วยพนักงานเพียง 4 คน จนถึงวันนี้เรามีพนักงานเกือบ 500 คน
เส้นทาง 25 ปีกว่าจะถึงวันนี้
“ธเนศ จิระเสวกดิลก” หรือ ตง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและผู้ร่วมก่อตั้ง divana เสริมว่า divana เดินทางผ่านหลายช่วงของการเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นจากความตั้งใจยกระดับมาตรฐานความน่าเชื่อถือของศาสตร์นวดแผนไทย นำนวัตกรรมมาเติมเต็ม สู่บริการสปาแบบครบวงจร ต่อยอดด้วยผลิตภัณฑ์สปาและเครื่องหอมเกรดพรีเมียม จากจุดแรกที่ทำครีมทามือ (Hand Cream) เพื่อแจกให้ลูกค้า ทำให้ก้าวสู่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness) สอดคล้องกับปรัชญาของ divana เพื่อเพิ่มคุณค่า ที่นำไปสู่การมีชีวิตอย่างยั่งยืน
โดยปัจจุบันธุรกิจหลักของ divana แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ธุรกิจ Luxury Spa เปิดให้บริการรวม 6 สาขา ภายใต้แบรนด์ divana Scentuara spa, divana Divine spa, divana Virtue spa, divana Nurture spa ที่กรุงเทพฯ และ divana Lana spa ที่เชียงใหม่ ล่าสุดเมื่อเดือน ธ.ค.2567 ได้เปิด divana Anda spa ที่ลากูนา จ.ภูเก็ต
2.ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาและเครื่องหอม ภายใต้แบรนด์ “divana” มีสินค้าจำหน่ายมากกว่า 20 สาขา ผ่านช่องทางจำหน่ายสาขาหลัก (Flagship Store) และร้านค้าปลีก (Concept Store) โดยมีรายการผลิตภัณฑ์สปาและเครื่องหอมกว่า 250 SKUs อาทิ เทียนหอม (Scented Candle), ก้านไม้หอมปรับอากาศ (Room Diffuser), ออยล์ทาตัว (Body Oil), น้ำมันอโรมา (Essential Oil) รวมถึงครีมทามือ (Hand Cream) และน้ำมันนวด (Massage Oil)
ล่าสุด เปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ Scentology น้ำหอมออยล์จากธรรมชาติ 100% ปราศจากสารเคมีอันตราย ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบจากธรรมชาติอย่างพิถีพิถัน ปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำมันแร่ พาราเบน และซิลิโคน ด้วยคอลเล็กชันจากแรงบันดาลใจของปรากฏการณ์ธรรมชาติสู่ 5 กลิ่น ได้แก่ 1) Sunrise 2) Queen of The Night 3) Snow Drop 4) Laguna 5) Foresta พร้อมเปิดตัว Scent Bracelet กำไลข้อมือจาก Recycled Silver และหินลาวา ช่วยให้สัมผัสกลิ่นยาวนานหอมได้ตลอดวัน โดยไม่ต้องฉีดน้ำหอมทุกวันบนร่างกายหรือเสื้อผ้า
นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจต้นแบบ dii wellness med spa และธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้ชื่อ “divana Signature Café” เปิดให้บริการ 3 สาขา ที่กรุงเทพฯ และภูเก็ต รวมถึงธุรกิจโรงเรียนสอนการนวดแผนไทยและสปา ภายใต้แบรนด์ “divana innovative academy” เพื่อให้ความรู้และอบรมบริการนวดและสปาแก่พนักงานเธอราปิสต์ ตามหลักสูตรมาตรฐาน divana เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท และยกระดับมาตรฐานบริการด้านสปาครบวงจร
แนวคิด 3P นำ divana สู่ความสําเร็จ
เมื่อถามถึงแนวคิดในการบริหารธุรกิจที่ทำให้ divana ประสบความสําเร็จ “ธเนศ จิระเสวกดิลก” เล่าด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจว่า อย่างแรกเลย คือ Passion เหมือนชื่อของแบรนด์ divana แปลว่าความหลงใหล เราหลงไหลในเรื่องของการดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน
สอง คือ Professional คือ ความเป็นมืออาชีพ เราต้องรู้จักลูกค้า อะไรคือความต้องการของเขาอย่างแท้จริง รู้จักคุณค่าที่ตัวตนของ divana ในการนําเสนอผ่านนวัตกรรม
สาม คือ Purpose คือเป้าหมายของ divana เราต้องการให้ทุกคนมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีสุนทรียะ มีความสุขกับการใช้ชีวิต หรือ Longevity Life การให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (Sustainable) ครอบคลุมทุกมิติ divana มองว่า Longevity ไม่ได้หมายถึงแค่การมีอายุยืนยาว แต่คือ ศิลปะแห่งการใช้ชีวิตที่สมดุล งดงาม และมีคุณค่า พร้อมดูแลโลกใบนี้ให้ยั่งยืน
4 หมุดหมาย ตอบโจทย์ Longevity Life
ส่วนจุดเริ่มต้นบทต่อไปของ divana มี 4 หมุดหมาย ตอบโจทย์ Longevity Life ประกอบด้วย 1. Well of Life คือการให้ความสําคัญกับกลุ่มของคนเมือง คนเมืองที่มีปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า โรคออฟฟิศซินโดรม หรือกระทั่ง NCDs สิ่งเหล่านี้เราสามารถที่จะสร้างโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์และเติมเต็มในการแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
2. Well of Lux คือให้ความสําคัญกลุ่มคนที่ต้องการดูแลตัวเอง โดยดึงเอาในเรื่องศิลปะหรือในเรื่องของการที่เราสามารถดึงอะไรก็ได้ที่เป็นไลฟ์สไตล์ในชีวิตมาเติมเต็มคุณค่าได้อย่างสมบูรณ์
3. Well of Earth คือให้ความสําคัญกับการเติบโตแบบยั่งยืน หรือการดูแลสุขภาพไม่ใช่แค่เฉพาะตัวเราแต่มันหมายถึงว่าการนําความสมบูรณ์แบบมาสู่ตัวเราต้องแคร์สังคม ธรรมชาติ และคนรอบข้างด้วย
4. Well of All คือการให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม ความเสมอภาค และเคารพในเรื่องของความรัก โดยเฉพาะความรักในทุกๆ รูปแบบในทุกคู่ ตอบโจทย์คุณค่าให้กับกลุ่มคนทุกกลุ่ม
ปักหมุดรายได้ปีนี้ 600 ล้านบาท
จากการทำงานที่มีการคาดการณ์และวางแผนอยู่เสมอ “พัฒนพงศ์ รานุรักษ์” ได้เปิดแผนการดำเนินธุรกิจปี 2568 ตั้งเป้าหมายมีรายได้รวมอยู่ที่ 600 ล้านบาท เติบโตเท่าตัว หรือเติบโต 100% จากปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจ Luxury Spa คิดเป็น 50% และธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาและเครื่องหอม ภายใต้แบรนด์ “divana” คิดเป็น 50%
การเติบโตรายได้ในปี 2568 จะมาจากแผนการขยายสาขาใหม่ โดยวางงบลงทุนในปีนี้ไว้ประมาณ 100 ล้านบาท แบ่งเป็นใช้ในการเปิด Luxury Spa เพิ่มอีก 2 สาขา ที่ จ.ภูเก็ต (ในส่วนของคาเฟ่ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาและเครื่องหอม) คาดเปิดได้ในช่วงไตรมาส 1/2568 และพัทยา จ.ชลบุรี (สปา คาเฟ่ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาและเครื่องหอม) คาดเปิดได้ในช่วงปลายปี 2568 จำนวน 50 ล้านบาท
ส่วนที่เหลืออีก 50 ล้านบาท ใช้ในการเปิดร้านค้าปลีก (Concept Store) จำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาและเครื่องหอม อีก 5 สาขา ได้แก่ Icon Siam, Central World, Paragon และอีก 2 สาขาอยู่ระหว่างพิจารณาสถานที่
กลับไปสยายปีกต่างประเทศ
“พัฒนพงศ์ รานุรักษ์” ยังเล่าถึงวางแผนการขยายสาขาในตลาดต่างประเทศว่า เดิมทีสินค้าของ divana เคยวางจำหน่ายที่ญี่ปุ่น และฮ่องกง พอเกิดโควิด-19 ทำให้หยุดไป โดยให้คำมั่นว่าเราจะกลับไปในต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษาไปเปิดเป็น Pop Up ที่จีน, ประเทศแถบอาเซียน, Middle East เป็นต้น โดยสัดส่วนกลุ่มลูกค้าหลักของ divana คือ ชาวต่างชาติ คิดเป็น 80% ของลูกค้าทั้งหมด อาทิ จีน, รัสเซีย, มาเลเซีย, Middle East และสัดส่วนคนไทย คิดเป็น 20%
พร้อมฝากทิ้งท้ายไว้ว่าในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต หรือในช่วงเวลาที่ยากลําบาก จริงๆ แล้วมันเป็นช่วงเวลาที่ SME จะต้องเตรียมตัวในช่วงของการเปลี่ยนแปลง เพราะในช่วงวิกฤตแบบนี้มักจะเกิดโอกาสใหม่ๆ เสมอ