น้ำปลาตราหอยนางรม รุกการตลาด ปรับแบรนด์ โกยรายได้ 1,000 ล้าน เข้าตลาดหุ้น
น้ำปลาตราหอยนางรม คัมแบ็กทำการตลาดในรอบ 20 ปี ภายใต้การบริหารของทายาทรุ่นที่ 3 ของ "ตระกูลรัตนประสิทธิ์" ปรับแบรนด์ แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มรายได้แตะ 1,000 ล้าน ภายใน 3 ปีหวังเข้าตลาดหุ้น
นายพันธ์ชนะ รัตนประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำปลาพิไชย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำปลาแท้ตราหอยนางรม เปิดเผยว่า ปี 2568 นี้ ถือเป็นปีที่ครบรอบปีที่ 88 ของธุรกิจผลิต และจำหน่ายน้ำปลา ซึ่งถือเป็นสารตั้งต้นของอาหารไทย ที่ทุกครัวเรือนต้องมีต้องใช้เพื่อการบริโภคทุกวัน
โดยมูลค่าตลาดน้ำปลาในประเทศไทยมีมูลค่าราว 10,000 ล้านบาทต่อปี โดยในแต่ละปีมีการเติบโตไม่มาก ทรงๆ ตัวไม่เกินปีละ 1-2% ซึ่งมีเจ้าตลาดใหญ่ๆไม่เกิน 10 ราย ที่เหลือจะเป็นรายเล็กๆ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
พันธ์ชนะ รัตนประสิทธิ์
ขณะที่บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศราว 5-7% มียอดขายเติบโตขึ้นทุกปี โดยปี 2565 มียอดขาย 557.30 ล้านบาท ปี 2566 ยอดขาย 574.81ล้านบาท และล่าสุดปี 2567 มียอดขาย 601.40ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัท 25% มาจากต่างประเทศ อีก 75%มาจากในประเทศ
"การเติบโตของตลาดน้ำปลาในประเทศทรงตัว มีการเติบโตไม่มาก โดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา แบรนด์น้ำปลาแท้ตราหอยนางรม ไม่เคยทำการตลาด แต่ปัจจุบันบริษัทจะเริ่มรุกทำการตลาด และทำแบรนด์มากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ"
โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ เพราะเห็นโอกาสในการเติบโตอย่างมาก ที่ผ่านมา นอกจากการส่งออกในแบรนด์หอยนางรมแล้ว ยังรับจ้างผลิตให้แบรนด์น้ำปลาในต่างประเทศด้วย ซึ่งประเทศที่ส่งออกได้แก่อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ตะวันออกกลาง ฯลฯ
ลุยผลิตภัณฑ์น้ำปลาเค็มน้อย
นอกจากนี้ยังได้ขยายไลน์การผลิต โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ "น้ำปลาเพื่อคนรักสุขภาพ" เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ และรองรับเทรนด์คนรักสุขภาพ ที่ถือเป็น mega trend หรือ เทรนด์ของโลก ซึ่งได้การตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดี ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้น
เช่น น้ำปลาตราหอยนางรม ไลท์ ที่เป็นน้ำปลาเค็มน้อย Low Sodium น้ำตาล 0% เหมาะสำหรับผู้ต้องการคุมปริมาณน้ำตาลไม่เติม Potassium อีกทางเลือกของผู้ป่วยโรคไต
และยังไม่มีส่วนผสมของ Gluten เหมาะสำหรับผู้แพ้ Gluten มีส่วนผสมวิตามินบี 12 ที่ช่วยการทำงานของระบบประสาทและสมอง และ น้ำปลาหอยนางรม สูตร SELECTED ที่ผลิตจากปลา Anchovy แท้ 100% มีกลิ่นคาวน้อยกว่าปลาปกติ,ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่สี ไม่ใช้วัตถุกันเสีย , 0%Fat No Cholesterol เป็นต้น
ออกสินค้าใหม่มากกว่าทุกปี
ไม่เพียงเท่านั้น ปีนี้เป็นปีที่บริษัทจะออกสินค้าใหม่หลายรายการมากกว่าทุกปีที่ผ่านมาที่ออกเพียง 1-2 รายการเท่านั้น โดยตามแผนจะมีการวางตลาดสินค้าใหม่คือ กะปิ, ซอสหอยนางรม, ซอสพริก, น้ำจิ้มไก่ , น้ำปลาร้า, เครื่องต้มยำ เป็นต้น
รวมทั้งการเปิดแบรนด์ใหม่เป็นทางการคือ ทวีรส ที่จับตลาดกลางลงล่าง
น้ำปลาพริกซอง รายได้ 100 ล้าน
นอกจากนี้ ยังได้ขยายผลิตภัณฑ์ "น้ำปลาพริกหอยนางรม" และ "น้ำปลาพริกตราใส้ตัน" ซึ่งทำแบบซองเล็ก สำหรับร้านอาหารตามสั่งรวมทั้งอาหารปรุงสำเร็จที่ขายใน 7-11 ก็ใช้น้ำปลาพริกของเรา ขณะเดียวกันยังมีผลิตภัณฑ์ "น้ำจิ้มซีฟู๊ด" สำเร็จรูปอีกด้วย ผลิตภัณฑ์ในส่วนนี้ ปีที่ผ่านมา ทำยอดขายได้ร่วม 100 ล้านบาท
เล็งเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ด้านนางสาวพิมพ์ลภัทร เอกอัครินทร์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำปลาพิไชย จำกัด กล่าวถึงเป้าหมายและกลยุทธ์ในการเติบโตของบริษัทว่า ในระยะยาวบริษัทมีเป้าหมายที่จะนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
โดยภายใน 3 ปีข้างหน้า ได้ตั้งเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาท จากกลยุทธ์การทำการตลาด เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
พิมพ์ลภัทร เอกอัครินทร์
ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 30-35% ภายใน 2-3 ปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 25% โดยจะเข้าไปทำการตลาด "แบรนด์หอยนางรม" ให้มากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม จากเดิมตลาดต่างประเทศ มาจากการส่งออกแบรนด์เราเอง 50% อีก 50% เป็นการรับจ้างผลิตหรือ OEM และให้ลูกค้าไปติดแบรนด์เขา และจะมีการเจรจากับซัพพลายเออร์ผู้นำเข้าให้ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ในตลาดต่างประเทศมากขึ้น
มั่นใจว่าจะเพิ่มการเติบโตของยอดขายได้ตามเป้า 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทได้ลงทุนและพร้อมขยายกำลังการผลิตในทุกหน่วยธุรกิจ เพื่อรองรับการเติบโตใน 3 ปีข้างหน้านี้แล้ว
ล่าสุดได้ลงทุนสร้างอาคารผลิตน้ำปลาพริกที่ เป็น clean room ทั้งระบบ นอกจากการลงทุนเครื่องจักรเพื่อผลิตน้ำจิ้มซีฟู๊ด ขณะที่โรงงานผลิตน้ำปลาตราหอยนางรมของเรา ที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรสมัยใหม่ ถือเป็นโรงงานที่ได้รับมาตรฐานสูงสุด
โดยการผลิตเป็นระบบปิด มีท่อส่งน้ำปลาออกมาจากบ่อน้ำปลา ก่อนมาเข้ากระบวนการผลิต ที่สะอาด ถูกสุขอนามัย โดยไม่ผ่านมือคนหรือมือมนุษย์ ดังนั้นขอให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษทผลิตภายใต้การควบคุมด้วยระบบการจัดการคุณภาพตามมาตรฐานสากล