“Happy Munchy” รายได้ทะลุ 71 ล. ฝ่าดราม่า “ออมุก” ถูกตัดราคา

25 มีนาคม 2568

ส่องแนวคิดธุรกิจ “ออมุก” จาก “Happy Munchy” ปลาแผ่นเกาหลี รายได้เติบโต 71 ล้านบาท ฮิตจนคู่แข่งล้นตลาด ล่าสุดถูกตัดราคา จน “นิหน่า-สุฐิตา” 1 ในเจ้าของแบรนด์ออกมาตัดพ้อ

“Happy Munchy” แบรนด์อาหารสำหรับเด็ก และทุกวัย ด้วยการชูคอนเซ็ปต์ ไม่ใส่ผงชูรส ไม่มีสารกันบูด มีประโยชน์ และมี อย. อยู่ภายใต้ บริษัท ลิตเติลมันช์ชี่ จำกัด จดทะเบียนบริษัท เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2559 โดยมีเจ้าของบริษัท 3 คน คือ ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา การุณวงศ์วัฒน์ แห่งเพจ Little Monster, นิหน่า-สุฐิตา ปัญญายงค์ นักแสดง พิธีกร ผู้ประกาศข่าว และ แตน-ธันยวดี วะสีนนท์ นักธุรกิจหญิงผู้คร่ำหวอดในธุรกิจอาหาร

“Happy Munchy” รายได้ทะลุ 71 ล. ฝ่าดราม่า “ออมุก” ถูกตัดราคา

เจ้าของแบรนด์ จากซ้ายไปขวา แตน-ธันยวดี วะสีนนท์,นิหน่า-สุฐิตา ปัญญายงค์ และ ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา การุณวงศ์วัฒน์ ขอบคุณภาพจาก ซีพี ออลล์

ทั้งนี้ นิหน่า ได้โพสต์เฟซบุ๊ก NINA Sutita : นิหน่า สุฐิตา ระบุว่า เสียใจมาก เราเป็นบริษัทเล็กๆ ทำสินค้าขายแต่ละตัว กว่าจะได้คิดมาเป็นปีๆ พัฒนาสินค้ากว่าจะผ่าน กว่าจะให้คนรู้จัก พอจะขายได้ ติดตลาด ก็เจอแบบนี้ NINA Sutita

โพสต์ทูเดย์ ค้นหาข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ย้อนหลัง 5 ตั้งแต่ปี 2562-2566 พบว่า มีรายได้ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ดังนี้ 

ปี 2562     รายได้    8.7 ล้านบาท 
ปี 2563     รายได้ 22.8  ล้านบาท     
ปี 2564     รายได้ 49.9  ล้านบาท
ปี 2565     รายได้ 65.0   ล้านบาท 
ปี 2566    รายได้  71.4  ล้านบาท 

สำหรับแนวคิดในการเกิด  “Happy Munchy” จนรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดนั้น ผู้บริหารทั้ง 3 คน ได้ให้สัมภาษณ์ผ่าน https://www.cpall.co.th/sme-talk/happy-munchy-sme-7eleven ว่า  “Happy Munchy” (แฮปปี้มันช์ชี่) มีจุดเริ่มต้นจากความต้องการแก้ปัญหาใกล้ตัวคือ  “ลูกทานยาก” จนเกิดเป็นสินค้าอาหารสำหรับเด็กที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นที่รู้จักในเวลาไม่นาน เดินหน้าแตกไลน์สินค้าและขยายตลาดสู่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กับสินค้า “ออมุก” สไตล์เกาหลี อาหารง่ายๆ ที่เพียบด้วยคุณประโยชน์ เหมาะกับคนทุกวัย ก็ได้รับการตอบรับที่ดีไม่แพ้กัน

“Happy Munchy” รายได้ทะลุ 71 ล. ฝ่าดราม่า “ออมุก” ถูกตัดราคา ออมุกที่กำลังเป็นกระแส

หลังจากสินค้าหมูฝอยภายใต้แบรนด์ Little Munchy (ลิตเติลมันช์ชี่) ที่ชูคอนเซ็ปต์ ไม่ใส่ผงชูรส ไม่มีสารกันบูด มีประโยชน์ และมี อย. เริ่มบุกตลาดอาหารเด็กในปี 2559 ก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ในปี 2563 ทั้ง 3 คนตัดสินใจรีแบรนด์ Little Munchy สู่ Happy Munchy เพื่อให้ขยายฐานลูกค้าไปได้ไกลกว่าแค่กลุ่มอาหารเด็ก

จึงเดินหน้าลุยและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องระบบบัญชี การบริหารสต๊อก แพ็กเกจจิ้ง ตลอดจนเรื่องรสชาติ จากพันธมิตรช่องทางขายอย่างเซเว่น อีเลฟเว่น เช่น การปรับเปลี่ยนรสชาติไม่ให้ยึดติดกับรสชาติเพื่อแม่และเด็กจนเกินไป 

เรากลับมาคิดเพิ่มว่าจะผลิตสินค้าอะไรดีที่เหมาะกับลูกค้ากลุ่มนี้ และก็มาจบลงที่ “ออมุก” สไตล์เกาหลี สินค้าที่ยังคงฮอตฮิตมาตลอด แต่เราต้องสร้างความแตกต่าง ด้วยการคงคอนเซปต์หลักของเราไว้คือ ไม่ใส่ผงชูรส ไม่มีสารกันบูด และมีประโยชน์ ทานง่าย รสชาติอร่อย ทำให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี” ตุ๊ก-นิรัตน์ชญา กล่าว 

ทั้ง 3 แม่ทิ้งท้ายว่า สิ่งสำคัญที่สุดของการทำธุรกิจก็คือ ความรู้ ยิ่งเป็นผู้ประกอบการ SME  ยิ่งต้องแสวงหาความรู้เพิ่มเติม และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อไหร่ที่หยุดแสวงหาความรู้ หยุดพัฒนาตัวเองก็เท่ากับตาย จะมีแต่ Passion ไม่ได้ เพราะ Passion เพียงอย่างเดียวไม่ช่วยให้ต่อสู้กับตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้

“Happy Munchy” รายได้ทะลุ 71 ล. ฝ่าดราม่า “ออมุก” ถูกตัดราคา สินค้าภายใต้แบรนด์ Happy Munchy

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ https://happymunchybylm.com/ พบว่า ปัจจุบัน Happy Munchy วางจำหน่ายทั้ง เซเว่น อีเลฟเว่น,ท็อป,วิลล่า,กูร์เมต์ มาร์เก็ต ,โฮมเฟรชมาร์ท และช่องทางออนไลน์

Thailand Web Stat