ส่งออกอัญมณีไทย สหรัฐฯ เก็บภาษีโหด บางรายการสูง 49.5% SME หาทางรอด
ผู้ส่งออกอัญมณีไทย เจอสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสูงลิ่ว เครื่องประดับแท้เจอหนักสุด 49.5% สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีฯ ชี้ต้องปรับกลยุทธ์ ขยายตลาดประเทศอื่น
แม้ว่าสหรัฐฯ ประกาศระงับการขึ้นภาษีนำเข้าเป็นการชั่วคราว 90 วัน สำหรับประเทศที่แสดงความประสงค์เจรจาปรับสมดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ แต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังคงสร้างความร้อน ๆ หนาว ๆ ให้กับหลาย ๆ ประเทศไม่น้อย โดยไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้เตรียมหารือเชิงลึกกับสหรัฐฯ ตั้งแต่ปลายปี 2567
ทั้งนี้ จากรายการสินค้าของไทยที่ได้รับผลกระทบ พบว่า “อัญมณีและเครื่องประดับ” เป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าส่งออกของไทยที่เผชิญกับมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariff) ที่ประกาศใช้โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) รายงานว่า อัตราภาษีนำเข้าสินค้าอัญมณี และเครื่องประดับที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากไทยประกอบด้วย
18 รายการรับแรงกระแทกขึ้นภาษี
- ไข่มุก อัตราอากรเดิม 0% อัตราอากรใหม่ 36%
- เพชร อัตราเดิม 0% อัตราใหม่ 36%
- พลอยสี อัตราเดิม 0-10.5% อัตราใหม่ 36-46.5%
- อัญมณีสงเคราะห์ อัตราเดิม 0-6.4% อัตราใหม่ 36-42.4%
- ฝุ่นและผงของรัตนชาติและกึ่งรัตนชาติ อัตราอากรเดิม 0% อัตราอากรใหม่ 36%
- โลหะเงิน อัตราอากรเดิม 0-3% อัตราใหม่ 0-39%
- โลหะสามัญที่หุ้มติดด้วยเงิน อัตราอากรเดิม 3.2% อัตราอากรใหม่ 39.3%
- ทองคำ อัตราอากรเดิม 0-4.1% อัตราอากรใหม่ 0-40.1%
- โลหะสามัญที่หุ้มติดด้วยทองคำ อัตราอากรเดิม 6% อัตราอากรใหม่ 42%
- โลหะแพลตตินั่ม อัตราอากรเดิม 0% อัตราอากรใหม่ 0%
- โลหะสามัญเงินหรือทองคำที่หุ้มติดด้วยแพลตตินั่ม อัตราอากรเดิม 10% อัตราอากรใหม่ 46%
- เศษและของใช้ ที่ใช้ไม่ได้อื่นๆ ที่มีโลหะมีค่าหรือโลหะที่หุ้มติดด้วยโลหะมีค่าอัตราเดิม 0% อัตราใหม่ 0-36%
- เครื่องประดับแท้ อัตราอากรเดิม 5-13.5% อัตราใหม่ 41-49.5%
- เครื่องทองหรือเครื่องเงินและส่วนประกอบของดังกล่าว อัตราเดิม 2.7-7.9% อัตราใหม่ 38.7-43.9%
- ของอื่นๆที่ทำด้วยโลหะมีค่าหรือโลหะที่หุ้มด้วยโลหะมีค่า อัตราเดิม 0-4% อัตราใหม่ 36-40%
- ของทำด้วยไข่มุกรัตนชาติและกึ่งรัตนชาติ อัตราอากรเดิม 0-10.5% อัตราใหม่ 36-46.5%
- เครื่องประดับเทียม อัตราอากรเดิม 0-11% อัตราใหม่ 36-47%
- เหรียญกษาปณ์ อัตราอากรเดิม 0% อัตราใหม่ศูนย์ถึง 36%
ทั้งนี้ ในหมวดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ไม่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ โลหะเงินที่ยังไม่ได้ขึ้นรูป ทองคำที่ยังไม่ได้ขึ้นรูป โลหะแพลทินัม เศษหรือของที่ใช้ไม่ได้ ทำด้วยแพลทินัม และเหรียญกษาปณ์
สถาบันฯ ระบุอีกว่า แคนาดา และเม็กซิโกถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% - 38.5% ส่วนจีน ถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 27.5% - 125%
เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปยังสหรัฐฯ จากข้อมูลของกรมศุลกากร พบว่าในปี 2567 ไทยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปยังสหรัฐฯ ด้วยมูลค่า 1,973.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสินค้าส่งออกหลัก 3 อันดับแรก คือ เครื่องประดับทอง เครื่องประดับเงิน และพลอยเนื้อแข็งเจียระไน
1.เครื่องประดับทอง
ผู้ส่งออกเครื่องประดับทองไปยังสหรัฐฯ ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ อินเดีย (19.02%) สวิตเซอร์แลนด์ (13.64%) ฮ่องกง (11.75%) อิตาลี (7.07%) และจีน (6.61%)
ส่วนไทยเป็นผู้ส่งออกในอันดับ 7 มีสัดส่วน 4.98% ไทยถูกเรียกเก็บภาษีเครื่องประดับทองสูงสุด 41.8% ส่วนอินเดีย เสียภาษีนำเข้า 31.8% สวิตเซอร์แลนด์ 36.8% ฮ่องกง 109.8% อิตาลี 25.8% จีน 117.3%
จะเห็นได้ว่า ไทยเสียภาษีนำเข้าสูงกว่าอินเดีย สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี
2. เครื่องประดับเงิน
ผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินไปยังสหรัฐฯ ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย (29.60%) อินเดีย (17.21%) อิตาลี (12.71%) จีน (10.92%) และฮ่องกง (7.39%)
ไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 41%-49.5% อินเดียเสียภาษีนำเข้า 31%-39.5% อิตาลี 25%-33.5% จีน 116.5%-125% และฮ่องกง 109%-117.5%
จะเห็นได้ว่าไทยเสียภาษีนำเข้าสูงกว่าอินเดีย และอิตาลี
3. พลอยเนื้อแข็งเจียระไน
ผู้ส่งออกพลอยเนื้อแข็งเจียระไนไปยังสหรัฐฯ ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ ฮ่องกง (28.16%) ไทย (19%) สวิตเซอร์แลนด์ (15.10%) ฝรั่งเศส (8.09%) และโคลอมเบีย (5.64%)
ไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 36% ฮ่องกงเสียภาษีในอัตรา 104% สวิตเซอร์แลนด์ 31% ฝรั่งเศส 20% และโคลอมเบีย 0% (มี FTA กับสหรัฐฯ)
จะเห็นได้ว่าไทยเสียภาษีนำเข้าสูงกว่าสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และโคลอมเบีย
4. พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน
ผู้ส่งออกพลอยเนื้ออ่อนเจียระไนไปยังสหรัฐฯ ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย (19.81%) ฮ่องกง (16.99%) อิสราเอล (16.87%) อินเดีย (10.41%) และเยอรมนี (9.28%)
ไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 36%-46.5% ฮ่องกงเสียภาษีนำเข้า 104%-114.5% อิสราเอล 17% อินเดีย 26%-36.5% เยอรมนี 10%-20.5%
จะเห็นได้ว่าไทยเสียภาษีนำเข้าสูงกว่าอิสราเอล อินเดีย และเยอรมนี ผลกระทบต่อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทย
สถาบันฯ ระบุอีกว่า การขึ้นภาษี ทำให้ราคาสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยนำเข้าไปยังสหรัฐฯ แพงขึ้นหลายเท่าตัว ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันลดลงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ที่เจออัตราภาษีต่ำกว่าหรือมีข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ผู้บริโภคในสหรัฐฯ อาจหันไปซื้อสินค้าจากแหล่งอื่นที่ราคาถูกกว่า หรือเลือกสินค้าทดแทน เช่น เครื่องประดับสังเคราะห์ (synthetic jewelry) และเลือกสินค้าที่ผลิตในประเทศแทน
ดังนั้น สินค้าหลักของไทยทั้งพลอยสีและเครื่องประดับแท้จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก อาจทำให้ยอดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปยังสหรัฐฯ ลดลง และเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งที่ถูกเก็บภาษีน้อยกว่า
ผู้ประกอบการไทยต้องเปลี่ยนตลาด เน้นเจาะตลาดกลุ่มบน
ดังนั้น ผู้ส่งออกไทยจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์อย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุน โดยใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่น เช่น ยุโรป (ที่ไทยกำลังเจรจา FTA กับ EU คาดเสร็จปี 2568) หรือเอเชีย (จีน อินเดีย ญี่ปุ่น) และตะวันออกกลาง ซึ่งมีความต้องการอัญมณีคุณภาพสูงจากไทยอยู่แล้ว โดยเน้นเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มบน
ซึ่งอุตสาหกรรมอัญมณีไทยมีจุดแข็งเรื่องฝีมือการเจียระไนและดีไซน์ ถ้าปรับตัวไปเน้นสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง (high-value niche) เช่น เครื่องประดับที่ออกแบบพิเศษหรืออัญมณีที่รับรองแหล่งที่มา (ethical sourcing) อาจรักษากำไรได้แม้ปริมาณส่งออกลดลง หรือร่วมมือกับภาครัฐในการเจรจาผ่อนปรนมาตรการกับสหรัฐฯ ในอนาคต
อย่างไรก็ดี รัฐบาลไทยกำลังเจรจากับสหรัฐฯ หากสำเร็จ อัญมณีและเครื่องประดับอาจได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนบางส่วน เพราะไม่ใช่สินค้าที่สหรัฐฯ ผลิตเองแข่งกับไทยโดยตรง ฉะนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องติดตามนโยบายของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด
สรุปแล้วสินค้าอัญมณีของไทยจะเจอผลกระทบหลักๆ คือ ต้นทุนสูงขึ้นและยอดขายในสหรัฐฯ ลดลง แต่ด้วยจุดแข็งของไทยในด้านคุณภาพและฝีมือ ยังมีโอกาสปรับตัวได้