ค้าปลีกออกโรง สั่งงดขายเนสกาแฟ เท่ากับสั่งร้านค้าในไทยหยุดขาย
ค้าปลีกออกโรง กรณี ‘เนสกาแฟ’ ถูกสั่งหยุดขายชั่วคราว เท่ากับ สั่งให้ทุกร้านค้าในประเทศไทยหยุดเช่นกัน รายได้หายกว่า 150 ล้านบาท
หลังข้อพิพาทระหว่าง “เนสท์เล่” และ “มหากิจศิริ” เกี่ยวกับสัญญาการผลิตสินค้า “เนสกาแฟ” ในประเทศไทย นำไปสู่กระบวนการยุติธรรม และศาลแพ่งมีนบุรีมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ทำให้เนสท์เล่ ไม่สามารถผลิต จ้างผลิต นำเข้าและจำหน่าย “เนสกาแฟ” ได้
ทำให้เกิดผลกระทบหลายส่วนตั้งแต่คนปลูกกาแฟ จนถึงคนขายเครื่องดื่ม ร้านค้าเล็ก ๆ
ภาพจากเฟซบุ๊ก ยงสงวน Yongsanguan Ubon
ขณะที่ล่าสุด “ยงสงวน” อีกหนึ่งค้าปลีกภูธรในจังหวัดอุบลราชธานี ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า กรณีนี้ส่งผลให้รายได้หายไปถึง 150 ล้านบาท ใจความว่า
"12.5 ล้านต่อเดือน 150 ล้านต่อปี ตัวเลขนี้ไม่สามารถหาสิ่งใดมาทดแทนได้ มันคือตัวเลขของเนสกาแฟที่ขายในยงสงวน ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ ผมยังถามตัวเองอยู่ว่า ผมจะต้องขายอะไรเพื่อมาทดแทนตัวเลขนี้
สำหรับผมเนสกาแฟไม่ใช่แค่สินค้า แต่มันคืออาชีพที่ผมและพี่น้องทำ มันคือรายได้อันดับต้นๆที่ผมนำมาหล่อเลี้ยงครอบครัว คำสั่งศาลสั่งให้เนสกาแฟหยุดจำหน่ายสินค้าชั่วคราว ก็เท่ากับว่า สั่งให้ทุกร้านค้าในประเทศไทยนี้หยุดเช่นกัน
บนเศรษฐกิจแบบนี้เราจะทำอย่างไร ในเมื่อทุกอย่างอยู่บนโครงสร้างของต้นทุนที่สูงลิบแต่รายได้กลับหายไป บางคนเป็นตัวแทน บางคนขายส่ง และบางคนขายปลีก มันคือหลายหมื่นร้านค้าที่ต้องสูญเสียรายได้ มันคือพนักงานหลายพันที่อาจจะต้องเสียงาน และมันคือหลายล้านคนที่ต้องเปลี่ยนไปบริโภคในสิ่งที่เค้าไม่ต้องการ
ไม่ว่ามันจะจบลงอย่างไร ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายนะครับ แค่ขอจบมันให้เร็วหน่อย
เพื่อทุกผลกระทบ….ขอสันติจงมีแด่ท่านครับ”
ทั้งนี้ นอกจากยงสงวนแล้ว ก่อนหน้านี้ บริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกรายใหญ่ในจังหวัดอุดรธานีที่มีร้าน 2 สาขา ก็ได้เผยกรณีที่เนสท์เล่กลายเป็นสินค้า “ขาดตลาด” ไม่สามารถขายได้ บริษัทจะสูญเสียรายได้ระดับ 300-400 ล้านบาท