ค้าปลีกออกโรง สั่งงดขายเนสกาแฟ เท่ากับสั่งร้านค้าในไทยหยุดขาย

11 เมษายน 2568

ค้าปลีกออกโรง กรณี ‘เนสกาแฟ’ ถูกสั่งหยุดขายชั่วคราว เท่ากับ สั่งให้ทุกร้านค้าในประเทศไทยหยุดเช่นกัน รายได้หายกว่า 150 ล้านบาท

หลังข้อพิพาทระหว่าง “เนสท์เล่” และ “มหากิจศิริ” เกี่ยวกับสัญญาการผลิตสินค้า “เนสกาแฟ” ในประเทศไทย นำไปสู่กระบวนการยุติธรรม และศาลแพ่งมีนบุรีมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ทำให้เนสท์เล่ ไม่สามารถผลิต จ้างผลิต นำเข้าและจำหน่าย “เนสกาแฟ” ได้


ทำให้เกิดผลกระทบหลายส่วนตั้งแต่คนปลูกกาแฟ จนถึงคนขายเครื่องดื่ม ร้านค้าเล็ก ๆ 

ภาพจากเฟซบุ๊ก ยงสงวน Yongsanguan Ubon ภาพจากเฟซบุ๊ก ยงสงวน Yongsanguan Ubon

 

ขณะที่ล่าสุด “ยงสงวน” อีกหนึ่งค้าปลีกภูธรในจังหวัดอุบลราชธานี ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า กรณีนี้ส่งผลให้รายได้หายไปถึง 150 ล้านบาท ใจความว่า 

 

"12.5 ล้านต่อเดือน 150 ล้านต่อปี ตัวเลขนี้ไม่สามารถหาสิ่งใดมาทดแทนได้ มันคือตัวเลขของเนสกาแฟที่ขายในยงสงวน ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ ผมยังถามตัวเองอยู่ว่า ผมจะต้องขายอะไรเพื่อมาทดแทนตัวเลขนี้

 

สำหรับผมเนสกาแฟไม่ใช่แค่สินค้า แต่มันคืออาชีพที่ผมและพี่น้องทำ มันคือรายได้อันดับต้นๆที่ผมนำมาหล่อเลี้ยงครอบครัว คำสั่งศาลสั่งให้เนสกาแฟหยุดจำหน่ายสินค้าชั่วคราว ก็เท่ากับว่า สั่งให้ทุกร้านค้าในประเทศไทยนี้หยุดเช่นกัน 

 

 

บนเศรษฐกิจแบบนี้เราจะทำอย่างไร ในเมื่อทุกอย่างอยู่บนโครงสร้างของต้นทุนที่สูงลิบแต่รายได้กลับหายไป บางคนเป็นตัวแทน บางคนขายส่ง และบางคนขายปลีก มันคือหลายหมื่นร้านค้าที่ต้องสูญเสียรายได้ มันคือพนักงานหลายพันที่อาจจะต้องเสียงาน และมันคือหลายล้านคนที่ต้องเปลี่ยนไปบริโภคในสิ่งที่เค้าไม่ต้องการ


ไม่ว่ามันจะจบลงอย่างไร ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายนะครับ แค่ขอจบมันให้เร็วหน่อย 

 

เพื่อทุกผลกระทบ….ขอสันติจงมีแด่ท่านครับ” 

 

ทั้งนี้ นอกจากยงสงวนแล้ว ก่อนหน้านี้ บริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกรายใหญ่ในจังหวัดอุดรธานีที่มีร้าน 2 สาขา ก็ได้เผยกรณีที่เนสท์เล่กลายเป็นสินค้า “ขาดตลาด” ไม่สามารถขายได้ บริษัทจะสูญเสียรายได้ระดับ 300-400 ล้านบาท

 

Thailand Web Stat