สู้ภาษีทรัมป์! เจ้าพ่อบรรจุภัณฑ์แนะส่งออกอินเดีย-กลุ่ม BIMSTEC

สู้ภาษีทรัมป์! เจ้าพ่อบรรจุภัณฑ์แนะส่งออกอินเดีย-กลุ่ม BIMSTEC

23 เมษายน 2568

มาตรการภาษีทรัมป์ฉุดส่งออกอาหารและอาหารสัตว์เลี้ยงไทย “เอกา โกลบอล”เชื่อนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ช่วยยืดอายุอาหารดีมานด์สูง แนะผู้ประกอบการส่งออกตลาดอินเดีย-BIMSTEC

KEY

POINTS

  • มาตรการขึ้นภาษี “ทรัมป์” ฉุดส่งออกอาหารและอาหารสัตว์เลี้ยงไทย
  • “เอกา

ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดสำหรับแนวทางการรับมือของภาครัฐและผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 โดยไทยเองถูกตั้งอัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ สูงถึง 36%

และแม้ว่าทรัมป์มีประกาศเลื่อนผลบังคับใช้อัตราภาษีใหม่ออกไปอีก 90 วัน เพื่อให้แต่ละประเทศมีโอกาสเจรจา แต่ยังคงอัตราภาษีนำเข้าขั้นต่ำทุกประเทศไว้ที่ 10%

สู้ภาษีทรัมป์! เจ้าพ่อบรรจุภัณฑ์แนะส่งออกอินเดีย-กลุ่ม BIMSTEC

"ชัยวัฒน์ นันทิรุจ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) แบรนด์คนไทย ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) มองว่ามาตรการภาษีตอบโต้รายประเทศของทรัมป์ยังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญที่สร้างความไม่แน่นอนกดดันการค้าระหว่างประเทศ และเศรษฐกิจโลก

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกของไทย คาดลดลง 1–1.5 แสนล้านบาท กระทบต่อการจีดีพีไทยราว 0.7–0.9% ซึ่งตัวเลขนี้เป็นเพียงประมาณการณ์ความเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น

โดยสถานการณ์การค้าโลกที่ชะลอตัวและมีความไม่แน่นอนสูงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก โดยเฉพาะภาคการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา และมีผลกระทบทางอ้อมจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ที่ชะลอตัว หรือ แม้แต่ความเสี่ยงด้านการแข่งขันทางการค้าในอนาคตที่รุนแรงขึ้น ฯลฯ

“อุตสาหกรรมอาหารไทยน่าจะได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะอาหารแปรรูป ซึ่งเดิมมีอัตราภาษี 0% การปรับขึ้นภาษีจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยลดลง เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งมีมูลค่าสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ ในปี 2567 สูงเป็นอันดับต้นๆจะได้ผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยนั้นมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก เชื่อว่าเรายังมีโอกาสของการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆได้”

ฝ่ายกลยุทธ์ของบริษัทยังคงติดตามสถานการณ์และเตรียมแผนงานรับมือเพื่อลดความเสี่ยง แม้ว่าขณะนี้ ยังคงไม่เห็นสัญญาณการปรับลดคำสั่งซื้อลดลงจากทั้งสองกลุ่มลูกค้าหลัก ทั้งกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) และอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม (Pet-Food) ขณะที่ตลาดอินเดีย ซึ่งบริษัทได้เข้าไปตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองปูเน่ จะเน้นรับรองตลาดในประเทศอินเดียเป็นหลักก็ตาม

“ตลาดอินเดียเป็นตลาดใหญ่จากจำนวนประชากรที่มีกว่า 1.4 พันล้านคน แม้จะมีความแตกต่างเรื่องวัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาค แต่ประชากรในวัยหนุ่มสาวและคนทำงานส่วนใหญ่มีการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไป มีความรู้ความเข้าใจในการบริโภคเทรนด์ใหม่ๆ ทำให้ความต้องการในตลาดอาหารแบบ Ready to Eat เพิ่มมากขึ้น หากผู้ประกอบการไทย ศึกษาความต้องการของตลาดและลูกค้าให้ดีเชื่อว่ามีโอกาสในตลาดอินเดียและภูมิภาคนี้อยู่มาก โดยเฉพาะประเทศไทยอยู่ในกลุ่มคู่ค้า BIMSTEC ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล ซึ่งมีประเทศในกลุ่ม 7 ประเทศ บังกลาเทศ อินเดีย ศรีลังกา และไทย เนปาลและละภูฏาน อาจจะเป็นโอกาสในการส่งออกและทำการค้าขายกับประเทศเหล่านี้ได้เพิ่มมากขึ้น”

ทั้งนี้ บริษัทมองว่าบรรจุภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมช่วยยืดอายุอาหาร ยังคงมีข้อได้เปรียบและมีความต้องการใช้ทั่วโลกสูง เพราะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนยุคใหม่มากที่สุด และคนทั่วโลกต่างมองหานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่ออาหาร สะดวกใช้ และช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น

ซึ่งบรรจุภัณฑ์ของบริษัทใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต สามารถรักษาอายุของอาหารได้นานสุดกว่า 2 ปี ไม่มีสารปนเปื้อนไม่มีสารก่อมะเร็ง มีความปลอดภัย น้ำหนักเบา ง่ายต่อการขนส่ง มีดีไซน์ทันสมัย และสามารถเข้าไมโครเวฟได้ อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สู้ภาษีทรัมป์! เจ้าพ่อบรรจุภัณฑ์แนะส่งออกอินเดีย-กลุ่ม BIMSTEC

Thailand Web Stat