จาก Baby Boomer ถึง Gen Z ต่างแนวคิด แต่เป้าหมายธุรกิจต้องโต
ถอดแนวคิด Baby Boomer ถึง Gen Z ความคิดคนละแบบ แต่เป้าหมายธุรกิจต้องโต ยกตัวอย่างน้ำปลาตราหอยนางรม , มะขามสารัช และแบรนด์ INGU พัฒนาแบรนด์อย่างไรให้สำเร็จ
ในปัจจุบัน หลายๆ ธุรกิจต้องเผชิญกับ Generation Gap หรือช่องว่างระหว่างรุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความแตกต่างในมุมมอง และแนวคิดในการทำงานของแต่ละ Gen การที่คนจากหลายยุคหลายสมัยต้องมาทำงานร่วมกันอาจทำให้เกิดความไม่เข้าใจในวิธีการทำงานหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจของกันและกัน บางครั้งอาจนำไปสู่การประสานงานที่ไม่ราบรื่น
แต่ในอีกแง่หนึ่ง Generation Gap ก็อาจเป็นโอกาสในการเรียนรู้จากกันและกันและนำมาสู่การพัฒนาธุรกิจในมุมมองใหม่ ๆ ที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาร่วมค้นหาว่าแนวคิดและจุดเด่นของแต่ละเจนจะช่วยพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จกัน
Krungsri Business Empowerment เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับ แนวคิดที่ทำให้ประสบความสำเร็จของแต่ละเจน โดยระบุว่า การเรียนรู้จากแนวคิดที่แตกต่างของแต่ละเจน จะช่วย SME ปรับกลยุทธ์ได้ตรงจุดและขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าในยุคที่การเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยยกตัวอย่างแต่ละเจน ดังนี้
Baby Boomers (1946-1964): สำหรับ Gen นี้ ความสำเร็จในธุรกิจจะเน้นไปที่ ประสบการณ์, การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว, และการเติบโตอย่างมั่นคง ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างธุรกิจที่อยู่มานานหลาย ๆ ธุรกิจ
Gen X (1965-1979): Gen X มีลักษณะเด่นที่ มีความยืดหยุ่น, ปรับตัวได้ดี, และ ใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผสมผสานระหว่างวิธีการทำธุรกิจแบบดั้งเดิมและเครื่องมือสมัยใหม่
Gen Y (1980-1997): ลักษณะเด่นของ Gen Y คือ ความคิดสร้างสรรค์, การเป็นผู้ประกอบการ, และ การใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด โดยมุ่งเน้นที่การทำธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการส่วนบุคคล อย่าง
Gen Z (1998-2024): เน้นการใช้ เทคโนโลยี และ ข้อมูล เป็นหลักโดยให้ความสำคัญกับ ความยั่งยืน และ ผลกระทบทางสังคม
ตัวอย่างแนวคิดทำธุรกิจของแต่ละเจน
จากข้อมูลดังกล่าว โพสต์ทูเดย์ ได้รวบรวมตัวอย่างการบริหารธุรกิจต่างเจน ดังนี้
บริษัท น้ำปลาพิไชย จำกัด เจ้าของแบรนด์น้ำปลาตราหอยนางรม ที่อยู่คู่ครัวคนไทยมากว่า 88 ปี จากโรงงานเล็กๆ ในจังหวัดชลบุรี ในช่วงก่อตั้งรุ่นแรก จะเป็นรุ่นก่อร่างสร้างแบรนด์คิดสูตรน้ำปลา พอมายุคเจน 2 (Gen X) เป็นยุคของการปรับโครงสร้าง โรงงานให้มีมาตรฐาน พร้อมสร้างแบรนด์หอยนางรม อย่างเป็นทางการ นำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้พร้อมขยายการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ พอมาสู่ยุคทายาทรุ่น 3 (Gen Y) เริ่มทุ่มงบกับการทำโฆษณา ปรับกลยุทธ์สู่เป้าหมายคนรุ่นใหม่ เนื่องจากข้อมูลพบว่าคนรุ่นใหม่ไม่นิยมน้ำปลา อีกทั้งยังปรับสูตรลดกลิ่น ลดเค็ม
ทั้งนี้พันธ์ชนะ รัตนประสิทธิ์ ทายาทรุ่นที่ 3 แบรนด์น้ำปลาตราหอยนางรม เคยกล่าวกับโพสต์ทูเดย์ว่า ในยุคของผู้ก่อตั้ง มักจะคาดหวังให้รุ่นลูกหลานสืบสาน เพื่อให้ธุรกิจอยู่ยาวนาน ไม่ล้มหายตายจากไป แต่มายุคของตนเอง ก็ไม่ได้คาดหวังให้ลูกต้องมาสานต่อธุรกิจครอบครัว เพราะเชื่อว่าธุรกิจสามารถโตได้ด้วยรูปแบบใหม่ ๆ เช่นการเข้าตลาดทุน ฯลฯ
อีกหนึ่งตัวอย่างของธุรกิจที่บริหารโดยคนต่างเจน คือ แบรนด์มะขามสารัช ที่บุกเบิกโดยรุ่นคุณแม่ ผู้คิดค้นสูตรการแปรรูปมะขามในเมืองเพชรบูรณ์ ส่งต่อถึงมือของรุ่นลูก ซึ่งเป็น Gen Y ที่เข้ามารีเฟรชแบรนด์ให้มีความสดใส เข้าถึงผู้บริโภคทุกวัยมากขึ้น
โดยสารัช กมลธรไท กรรมการผู้จัดการ บริษัท สารัช มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวกับโพสต์ทูเดย์ว่า ความต่างของเจนค่อนข้างเป็นความท้าทาย เพราะรุ่นแม่จะมีแนวคิดอีกแบบ ในขณะที่รุ่นลูกมีแนวคิดอีกแบบ แต่ก็พยายามค่อย ๆ ทำความเข้าใจความต่างของแนวคิด หรือให้บุคคลที่สาม เข้ามาช่วยเสนอไอเดีย ซึ่งตอนนี้มะขามสารัช ก็แบ่งหน้าที่ชัดเจน ขณะที่รุ่นแม่เป็นผู้พัฒนาสูตร ส่วนรุ่นลูกดูแลการตลาด
หรือตัวอย่าง Gen Z ของ ชยธร กิติยาดิศัย (Head of Product Department) หรือ “Ingck” พลิกหลังกล่อง แบรนด์ INGU ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์สกินแคร์และเติบโตอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน โดยเน้นการเข้าใจลูกค้าและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและใช้โซเชียลมีเดียเข้ามาปลุกกระแส พร้อมกับเลือกใช้พลาสติก PCR (Post Consumer Recycled) มาเป็นบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด
การนำพลาสติกที่ผ่านการใช้งานแล้วมาผ่านกระบวนการทำความสะอาด และนำมาปรับปรุงคุณสมบัติด้วยเทคโนโลยีให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีและผลักดันอุตสาหกรรม พร้อมทั้งสร้างความตระหนักให้ผู้บริโภคในการแยกขยะและเลือกวัสดุที่ยั่งยืนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การที่แต่ละเจนมีแนวคิดที่แตกต่างกันในธุรกิจ เป็นผลมาจากการเติบโตในสภาพสังคมที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็น Gen Baby Boomer ที่เน้นความมั่นคงและการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว, Gen X ที่มีการปรับตัวและใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ, Gen Y ที่เน้นความคิดสร้างสรรค์และการทำธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า, หรือ Gen Z ที่ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลในการตัดสินใจ
สิ่งสำคัญคือ SME จะต้อง หยิบเอาแนวคิดเหล่านี้มาปรับใช้ เพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจให้เติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา เพราะการเข้าใจแนวคิดของแต่ละเจน ไม่เพียงช่วยให้สามารถเข้าใจความแตกต่างของแต่ละเจน เพื่อทำงานร่วมกันและนำจุดเด่นของแต่ละเจนมาใช้ แต่ยังสามารถนำความเข้าใจไปปรับใช้ในการเข้าใจลูกค้าในแต่ละเจน เพื่อนำมาพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจสามารถ เติบโตได้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงและมีความหลากหลาย