posttoday

ทลายแก๊งตุ๋นจิวเวลรีตัวการทำลายท่องเที่ยวไทย

12 พฤศจิกายน 2555

บริเวณหน้าวัดพระแก้วกำลังกลายเป็นแหล่งหากินของเหล่ามิจฉาชีพ ที่จ้องฉกจับเหยื่อที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

วัสยศ งามขำ

บริเวณหน้าวัดพระแก้วกำลังกลายเป็นแหล่งหากินของเหล่ามิจฉาชีพ ที่จ้องฉกจับเหยื่อที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปต้มตุ๋นด้วยการชักชวนให้ไปซื้อจิวเวลรีในราคาสูงแต่คุณภาพต่ำ จนกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นชื่อในโลกออนไลน์ว่าไทยแลนด์แดนอันตราย นั่นจึงทำให้ตำรวจท่องเที่ยวนั่งไม่ติดรีบเปิดยุทธการกวาดล้างบรรดาโจรไกด์เถื่อน และตุ๊กตุ๊กขี้ฉ้อ รวมทั้งเตรียมที่จะเข้าจัดการกับร้านจิวเวลรีต้มตุ๋นด้วยมาตรการเด็ดขาดและรุนแรง

พล.ต.ต.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ผบก.ทท.) ยอมรับว่า เมืองไทยกำลังฉาวโฉ่ในยูทูบและกูเกิล หลังจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปโพสต์เรื่องราวไว้มากมายว่า สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่งไม่เว้นแม้แต่บริเวณพระบรมมหาราชวังหรือวัดพระแก้ว สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของทั้งคนไทยและต่างชาติ เต็มไปด้วยแก๊งต้มตุ๋นที่หลอกนักท่องเที่ยวให้ไปซื้อจิวเวลรีในร้านค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้มีคุณภาพต่ำ และราคาสูงเกินความเป็นจริง ซึ่งกว่าจะรู้ว่าถูกหลอกลวง นักท่องเที่ยวเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็กลับไปถึงบ้านเกิดแล้ว

“ผมยอมไม่ได้ครับที่คนร้ายเหล่านี้จะมาหากินหน้าวัดพระแก้ว เพราะเป็นสถานที่สำคัญมากของเมืองไทย” พล.ต.ต.รอย ยืนยันว่าสัปดาห์นี้จะเริ่มกวาดล้างแก๊งคนร้ายเหล่านี้อย่างเต็มรูปแบบ โดยร่วมกับกรุงเทพมหานคร ที่มีกฎหมายให้อำนาจหลายฉบับเพื่อนำมาบังคับใช้ร่วมกันกับกฎหมายอาญา อย่างไรก็ตามการไล่จับกุมคนร้ายเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลา รวมทั้งการทำความเข้าใจกับผู้กระทำผิดด้วย

พล.ต.ต.รอย เล่าถึงพฤติกรรมของแก๊งคนร้ายว่า คนร้ายจะแต่งตัวดีน่าเชื่อถือ พูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี บางคนก็จะแต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ โดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ จะเลือกเหยื่อที่ไม่ได้มากับบริษัททัวร์หรือไม่มีไกด์นำทาง เริ่มชักชวนให้ไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ก่อนที่จะพานั่งรถสามล้อตุ๊กตุ๊กที่ร่วมขบวนการ พาเหยื่อไปร้านจิวเวลรีที่รู้กันก่อนล่วงหน้าอยู่แล้ว

“ตุ๊กตุ๊กพวกนี้จะทำงานกันเป็นทีม เมื่อนักท่องเที่ยวขึ้นรถพาไปเที่ยวแค่ไม่กี่แห่ง ก็จะพาไปเข้าร้านจิวเวลรีที่ไม่ได้รับการรองรับจากสมาคมผู้ค้าเพชรพลอยฯ ก่อนที่คนขายจะพูดคุยเกลี้ยกล่อมให้นักท่องเที่ยวซื้อ แต่จะเอาเพชรพลอยที่คุณภาพต่ำมาขาย ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะหลงเชื่อ เพราะไม่คิดว่าจะถูกต้มตุ๋น โดยเฉพาะคนไทยเป็นแลนด์ออฟสมาย ฝรั่งไม่เชื่อว่าจะไปต้มตุ๋นเขา” พล.ต.ต.รอย กล่าว

ทลายแก๊งตุ๋นจิวเวลรีตัวการทำลายท่องเที่ยวไทย

 

เขากล่าวต่อว่า ชาวต่างชาติบางคนเมื่อซื้อไปแล้วนำไปตรวจสอบคุณภาพในเมืองไทย หากรู้ว่าถูกโกงและแจ้งความกับตำรวจท่องเที่ยวทันที ทุกคดีตำรวจก็จะไปจัดการเอาเงินคืนให้ซึ่งก็ไม่มีปัญหา แต่หากกลับบ้านเกิดไปแล้วไปตรวจสอบก็ยากที่จะแก้ไข จึงประจานเมืองไทยด้วยการนำเรื่องราวไปเผยแพร่บนยูทูบ ซึ่งกำลังเป็นจุดเริ่มที่ตำรวจจะปฏิบัติการเชิงรุกจัดการคนร้ายเหล่านี้อย่างจริงจัง โดยไม่ต้องรอให้มีผู้เสียหายมาแจ้งความ

“ที่เขาเผยแพร่เรื่องราวก็คงเป็นเพราะแค้นที่ถูกหลอก บางคนซื้อจิวเวลรีราคาแพงถึง 5,000 เหรียญ แต่เมื่อนำกลับไปตรวจสอบราคาที่บ้านเกิดอาจจะได้เพียง 500 เหรียญเท่านั้น ปัญหาจึงเกิดขึ้น ขณะนี้เราตรวจสอบแล้วพบว่ามีร้านจิวเวลรีประเภทนี้กระจายอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง จะร่วมกับกรมศุลกากรและกรมสรรพากรเล่นงานอย่างเด็ดขาด” พล.ต.ต.รอย กล่าว

เขากล่าวต่อว่า การดำเนินคดีกับคนร้ายเหล่านี้ติดขัดในเรื่องของข้อกฎหมายพอสมควร และคนร้ายหรือร้านจิวเวลรีเองก็รู้ข้อกฎหมายและหากินกับช่องโหว่ของกฎหมายเหล่านี้ เพราะตำรวจจะไปดำเนินคดีกับร้านค้าในข้อหาฉ้อโกงก็ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากการซื้อสินค้าประเภทนี้ตกลงกันที่ความพอใจในการที่จะซื้อหรือขาย คล้ายกับการเช่าพระเครื่อง ตำรวจจึงต้องประสานกับศุลกากรเพื่อตรวจสอบเรื่องการนำเข้า รวมทั้งกรมสรรพากรเพื่อดูในเรื่องของการเสียภาษี หากพบว่าผิดกฎหมายก็จะดำเนินการทันที เรียกได้ว่าต้องงัดกฎหมายทุกตัวออกมาเป็นเครื่องมือในการจัดการคนร้าย

สำหรับการจัดการกับผู้ที่เข้าไปชักชวนนักท่องเที่ยวหรือโชเฟอร์รถตุ๊กตุ๊กนั้น พล.ต.ต.รอย มีไอเดียว่า จะนำคนที่ทำอาชีพค้าขายทั้งที่เป็นคนที่ค้าขายปกติ และคนร้ายที่แฝงอยู่ด้วยมาจัดการพูดคุยกันอย่างเป็นระบบ พร้อมกับชี้แจงให้เห็นถึงการกระทำความผิด และโทษที่จะได้รับ ป้องปราบไว้ก่อน เพราะหากไปไล่จับกุมก็เหมือนกับไปจับปลาซิวปลาสร้อย มีตัวตายตัวแทนขึ้นมาอีก หากพูดคุยไปแล้วยังไม่หยุดพฤติกรรมก็จะนำกฎหมายเข้าไปจัดการอย่างเคร่งครัด

“ตำรวจท่องเที่ยวจะจัดทำ “นาฬิกานักท่องเที่ยว” ขึ้น เพื่อดูว่าช่วงเวลาไหนนักท่องเที่ยวไปอยู่ที่จุดไหนมาก เช่น วัดพระแก้ว จะอยู่ช่วงกลางวัน ข้าวสารจะช่วงกลางคืน เพื่อที่จะหมุนตำรวจไปจัดการ เนื่องจากการไปเฝ้าระวังตลอดเวลา เราจะมีกำลังไม่เพียงพอ ทั้งนี้ตำรวจจะเริ่มจัดการที่หน้าวัดพระแก้วก่อน เนื่องจากเป็นสถานที่สำคัญ เป็นหน้าตาของเมืองไทย จากนั้นจะขยายไปยังแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ๆ เช่น ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ เป็นต้น” พล.ต.ต.รอย กล่าวพร้อมกับบอกว่า นักท่องเที่ยวที่มีปัญหาสามารถแจ้งที่ 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เขากล่าวด้วยว่า ล่าสุดได้ประสานกับชมรมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับมาตรฐานแล้วให้เข้ามาร่วมจัดการแก้ปัญหา ซึ่งก็ได้รับการร่วมมืออย่างดี และชมรมเองก็ต้องการที่จะให้มาซื้อสินค้าในร้านที่อยู่ในชมรม เนื่องจากมีระบบการรับคืนสินค้าที่ออกมาเป็นกฎบังคับตายตัว เช่น หากซื้อสินค้าภายใน 24 ชั่วโมง และต้องการคืนสินค้า จะได้รับเงินคืน 100% หากซื้อเกิน 24 ชั่วโมงแต่ไม่เกิน 30 วัน จะคืนเงินให้ 90% เกิน 30 วันแต่ไม่เกิน 45 วัน จะได้รับเงินคืน 80% แต่หากเกิน 45 วันไปแล้วขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ขาย

ปฏิบัติการทั้งหมดกำลังจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้