เมียสั่งฆ่าผัวหลังจับได้มีเมียน้อย
เมียหลวงขอนแก่นสั่งฆ่าสามี หลังจับได้ว่ามีเมียน้อย จ้างคนในหมู่บ้าน 150,000 บาทยิงทิ้งแต่ต้องไม่ฆ่าในบ้านเพราะกลัวผี
เมียหลวงขอนแก่นสั่งฆ่าสามี หลังจับได้ว่ามีเมียน้อย จ้างคนในหมู่บ้าน 150,000 บาทยิงทิ้งแต่ต้องไม่ฆ่าในบ้านเพราะกลัวผี
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.สส.ภ.4 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายวิจิตร มังษาอุดม อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 ม.1 ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานีและนายบรรทม พังทุย อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 ม.7 ต.หนองแปน อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร พร้อมของกลาง รถจักรยายนต์ยามาฮ่า เอ็กซ์วัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส.ภ.4 ติดตามจับกุมตัวได้ขณะหลบซ่อนตัวด้วยการเป็นคนงานรับจ้างก่อสร้างภายในที่พักก่อสร้างโรงเรียนเขาชะอางค์ ต.พลวงทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี
พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายสวาท สาคร อายุ 44 ปี เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 41 ม.12 ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนร่วม สภ.บ้านดุงและจากกองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ได้เร่งลงพื้นที่หาพยานหลักฐานและติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุดังกล่าวจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในเบื้องต้นรวม 2 คน ประกอบด้วย นางบังอร สาคร ซึ่งเป็นภรรยาผู้ตายและเป็นผู้จ้างวานฆ่า นายกรุงศรี ยืนนาน ทำหน้าที่คนขับรถ ซึ่งจากการสอบสวนขยายผลได้มีการซัดทอดไปยังผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่ถูกจับกุมได้เพิ่มเติมซึ่งทำหน้าที่ดูต้นทางและมือปืนและหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปในพื้นที่จังหวัดต่างๆ จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวนนายวิจิตร ซึ่งทำหน้าที่มือปืนให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนางบังอร ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตายที่ได้มารบเร้าและตามตื้อในการจัดหามือปืนเพื่อที่จะลอบสังหารนายสวาท ซึ่งเป็นสามีของตนเอง โดยนางบังอร ระบุว่าทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของผู้ตาย ที่ไปมีภรรยาน้อยและเกิดการจับได้พร้อมทั้งทราบว่ามีการนำทรัพย์สินบางส่วนที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของครอบครัวไปปรนเปรอภรรยาน้อยอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับในระยะหลังผู้ตายมักจะทำร้ายร่างกายเมียหลวงเป็นประจำจึงได้ตกปากรับคำในการจัดหามือปืนและร่วมในการลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ในอัตราค่าจ้างของทีมสังหาร 150,000 บาท
“หลังจากมีการรับข้อเสนอดังกล่าวแวจึงร่วมกับพรรคพวกซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันกับผู้ตายวางแผนลงมือก่อเหตุโดยได้มอบหมายภารกิจของแต่ละคนเป็นไปตามขั้นตอนซึ่ง นางบังอร จะเป็นคนเปิดประตูหน้าบ้านไว้ โดยที่ตนเองจะเป็นคนเข้าไปในบ้านเพื่อลงมือยิงนายสวาท ขณะที่นายกรุงศรีและนายบรรทม นั้นทำหน้าที่ดูต้นทางและขับรถพาหลบหนี ซึ่งเมื่อเข้าไปในบ้านพบนายสวาทนอนอยู่บนที่นอน จึงใช้อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ที่เตรียมมายยิงเข้าที่ขาของนายสวาท 1 นัด ทั้งนี้สาเหตุที่ยิงที่ขานั้นเนื่องจากภรรยาผู้ตายกำชับว่าไม่ให้ยิงจนตายในบ้านเพราะกลัวผี ซึ่งเมื่อผู้ตายถูกยิง 1 นัดและพยายามจะวิ่งหนีตนเองจึงวิ่งไล่ตามไปยิงซ้ำแต่กระสุนด้าน จึงใช้ด้ามปืนตีเข้าไปที่ศีรษะหลายครั้งจนผู้ตายแน่นิ่งจากนั้นจึงวิ่งไปที่รถจักรยายนต์ที่เตรียมมาขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็วแต่ด้วยทีมงานที่ยังคงทำใจไม่ได้จึงได้ไปนั่งดื่มสุราต่อที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งภายในเขต อ.บ้านดุง ระหว่างทางได้นำอาวุธปืนทิ้งลงคลองน้ำคำชะโนดและยังคงหวนหลับมาที่บ้านของผู้ตายอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ตายเสียชีวิตแล้วจริงๆตามสัญญาในการจ้างงาน ก่อนจะหลบหนีไปจังหวัดต่างๆล่าสุดมาทำงานรับจ้างก่อสร้างในเขต จ.ชลบุรี จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว”
ผบช.ภ.4 กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา โดยเฉพาะค่าจ้างที่ได้ตกลงกันระหว่างทีมสังหารกับภรรยาของผู้ตายที่ราคา 150,000 บาท และได้มีการรับเงินมัดจำล่วงหน้าไปแล้วจำนวน 30,000 บาท ในจำนวนนี้ได้แบ่งให้นายกรุงศรีไปแล้ว 5,000 บาท ในขณะที่เงินที่เหลือภรรยาของผู้ตายที่เป็นผู้จ้างวานฆ่ายังคงไม่มีการจ่ายเงินใดจนกระทั่งตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งหมดว่าร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนพร้อมทั้งควบคุมตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป