ป.ป.ท.ลั่นหากผลสอบชี้ข้าราชการพม.ผิดวินัยอาญาร้ายแรง ต้นสังกัดต้องลงโทษตาม

ป.ป.ท.ไม่ยุ่งผลสอบวินัย พม.ชี้ผอ.ศูนย์คนไร้ที่พึ่งฯขอนแก่นผิดวินัยไม่ร้ายแรง ลั่นหากผลสอบป.ป.ท.สวนทางต้องลงโทษตามการชี้มูล ไม่สามารถโต้แย้ง-คัดค้านได้

เมื่อวันที่ 19 เม.ย. พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวถึงกรณีสังคมออนไลน์เผยแพร่เอกสารราชการของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แจ้งผลสอบเจ้าหน้าที่ระดับผู้อำนวยการศูนย์คนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น โดยระบุผลสอบจาก กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) มีคำสั่ง ที่ 298/2561 ลงวันที่ 9 ก.พ. 2561 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทาง "วินัยไม่ร้ายแรง" เจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น 3 ราย กรณีไม่ปฏิบัติตามระเบียบกรมฯ ว่าด้วยการสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง พ.ศ. 2552 เจ้าหน้าที่ 3 รายที่ว่า ประกอบด้วย นางพวงพยอม จิตรคง ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น กับเจ้าหน้าที่อีก 2 คน

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า ป.ป.ท.จะไม่ไปก้าวก่ายการสอบสวนภายในของ พม. เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน แต่หากผลสอบของ ป.ป.ท.ออกมาแล้วพบว่ามีผลที่แตกต่างออกไป เช่น ผิดวินัยอาญาร้ายแรง ต้นสังกัดอย่าง พม.จะต้องลงโทษตามที่ ป.ป.ท.สรุปผลออกมา ผลการสอบสวนเดิมของ พม.จะไม่สามารถนำมาโต้แย้งหรือคัดค้านใดๆได้

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานในส่วนการทุจริตเงินช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งของ พม.ว่า ในวันที่ 24 เม.ย. นี้สำนักงานป.ป.ท.จะเสนอสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จการทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งในอีก 23 ศูนย์ ให้คณะกรรมการป.ป.ท.พิจารณาเพื่อมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนความผิดทางอาญา สำหรับการตรวจสอบในจังหวัดที่เหลืออีก 17 จังหวัด มีกำหนดให้แล้วเสร็จภายในเดือนเม.ย.นี้ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานความคืบหน้าว่าพบจังหวัดที่มีการทุจริตเพิ่มขึ้น

พ.ท. กรทิพย์ กล่าวอีกว่า สำหรับตัวเลขล่าสุดป.ป.ท.พบการทุจริตของศูนย์ช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งและนิคมสร้างตนเองแล้ว 56 แห่ง มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนความผิดแล้ว 33 แห่ง และได้ส่งรายชื่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต 158 คน ในจำนวนดังกล่าวเป็นข้าราชการระดับผู้อำนวยการศูนย์ 35 ราย ไปให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ดำเนินการทางวินัยแล้ว

พ.ท.กรทิพย์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กระทรวงศึกษาธิการว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนป.ป.ท.กำลังเร่งตรวจสอบเอกสาร หลักฐาน ทั้งพยานเอกสาร และพยานบุคคล ซึ่งภาพรวมขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าพบบุคคลที่ร่วมกระทำผิดชัดเจนเพิ่มขึ้นหรือไม่ เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องและเอกสารจำนวนมาก จึงอาจต้องใช้เวลาในการทำงานอีกระยะ โดยในการประชุมบอร์ดป.ป.ท.สัปดาห์หน้า จะนำประเด็นที่ผู้ตรวจราชการ กระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตเงินกองทุนเสมาฯ นำข้อมูลพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องมายื่นให้ ป.ป.ท.รวม 44 ราย เสนอให้บอร์ด ป.ป.ท.พิจารณาตั้งอนุกรรมการไต่สวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตต่อไป