สถานทูตจีนแจง "ข้อความจีนวิจารณ์การศึกษาไทยห่วย" ไม่มีมูลเป็นจริง
สถานทูตจีนยืนยัน ไม่เคยเขียนรายงานวิพากษ์วิจารณ์การศึกษาไทย อย่าหลงเชื่อและเกิดความเข้าใจผิด
สถานทูตจีนยืนยัน ไม่เคยเขียนรายงานวิพากษ์วิจารณ์การศึกษาไทย อย่าหลงเชื่อและเกิดความเข้าใจผิด
กรณีสังคมออนไลน์พากันเเชร์บทความวิจารณ์การศึกษาไทยอย่างรุนเเรง โดยหัวข้อระบุว่า "จีนวิจารณ์การศึกษาของไทยห่วยสุดๆ ตั้งแต่ระดับมัธยมจนถึงระดับมหาวิทยาลัย"
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบว่า เป็นบทความเก่าเเละปรากฎขึ้นตั้งเเต่ปี 2557 โดยไม่มีที่มาอย่างชัดเจน เป็นลักษณะการเวียนส่งต่อกันจนกระทั่งปรากฎในวงกว้าง
ขณะที่สถานทูตจีนประจำประเทศไทย ยืนยันว่า สิ่งที่กล่าวหาในบทความนี้ไม่มีมูลเป็นจริง สถานทูตจีนมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือฉันมิตรด้านวัฒนธรรมและการศึกษาระหว่างจีนกับไทยมาตลอด ไม่เคยเขียนรายงานวิพากษ์วิจารณ์การศึกษาไทย ขอให้เพื่อนมิตรคนไทยทั้งหลายจงอย่าหลงเชื่อและเกิดความเข้าใจผิดกับข้อความดังกล่าว
ทางสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ย้ำว่า สถานทูตจีน และอดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยไม่เคยให้ความเห็น ทำรายงาน หรือวิพากษ์วิจารณ์ระบบการศึกษาไทยตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
สำหรับเนื้อหาของบทความดังกล่าวระบุว่า
การศึกษาไทยในมุมมองของจีน ห่วยสุดๆ ตั้งแต่ระดับมัธยม จนถึงระดับ มหาวิทยาลัย
1.สถานทูตจีน เขียนรายงาน (เป็นภาษาจีน) ระบุการศึกษาบ้านเรา เน้นแต่ด้าน ศิลปศาสตร์ นิติฯรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การตลาด บริหารธุรกิจ ซึ่งจบมาแล้ว ไม่มีงานทำ ความรู้กระจอก สักแต่ให้มีใบปริญญา ไม่ได้สร้าง value-added ใดๆ นักวิทยาศาสตร์ การวิจัย แทบจะเป็นศูนย์ Guanmu อดีตเอก อัครราชทูตจีน บอกว่า25 ปีที่ผ่านมา ไทยผลิตยาง ยังไงก็ยังทำแบบนั้น ไม่สร้างมูลค่าเพิ่ม ทำเป็นยางรถยนต์ หรือสิ่งประดิษฐ์ อะไรเองไม่เป็น สร้างคิดอะไรไม่ได้
2.มหาวิทยาลัยไทย รวมไปถึง ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ กิจกรรมเน้นเต้น หลีดโชว์หล่อสวย แต่โง่ ไม่มีการฝึกงานอะไร ที่เป็นประโยชน์ เด็กขอเงินพ่อแม่ เที่ยวกลางคืนไปวันๆ โชว์วัตถุนิยม ว่ารถกูขับรถไร สังคมมันวัดกันแค่นี้ (เห็นมากับตา) พวกดีๆ ก็มีแต่มันน้อย เอาจริงๆนะ ผมว่ามีแค่10% ในขณะที่เด็กสหรัฐฯ พวก MIT Stanford หรือเด็กจีนชิงหัว ปิดเทอม พยายามหางานทำ ฝึกงาน UN World Bank JP Morgan หรือมาค่ายผู้ลี้ภัย ชาวโรฮิงญาในไทย
3.จ่ายครบจบแน่ ปริญญาขยะ เต็มบ้าน คือ หางานไรทำไม่ได้ มีแต่อยากจะรวย "ผมจะทำธุรกิจ" คือมันคิดไรไม่ออก นอกจากขายของ นอกจากนี้ ยังมีทุจริต ผันงบกระทรวงศึกษาให้ทุนกู้ยืมเรียน มหาวิทยาลัยเอกชน ที่มีนักการเมืองเป็นเจ้าของ สุดท้ายก็หนี้สูญ เพราะเด็กบ้านนอก ได้มาเข้ากรุง สักว่า ได้ปริญญาประดับบ้าน แต่มันหางานทำไม่ได้ ปึหนี่งหมดเงิน ภาษีประเทศชาติ ไปหลายหมื่นล้าน เรื่องเลวๆนี้ ไม่เคยถูกตรวจสอบ
4.ภาษาอังกฤษ ห่วยแตกขั้นเทพ จริงๆ อจ.จุฬาฯส่วนใหญ่ ก็ลอกบทความฝรั่ง มาแปลๆ ไม่มีความคิด อะไรที่ใหม่ หาน้อยคน ที่จบระดับโลก ไปดู CV เอาเอง จบมหาลัยห้องแถว B-class ทั้งนั้น งานวิจัยขยะ copy/paste เด็มไปหมด ครูมัธยม เอาแค่โรงเรียนในกรุงเทพฯ ผมเคยถูกเชิญไปพูด ยังออกเสียงสะกดศัพท์ไม่ถูกเลย จะสอนเด็กให้ถูกได้อย่างไร แล้วโรงเรียน ในอ.ปัว จังหวัดน่าน มันจะห่วยแตก ขนาดไหน คิดดู
5.ความรู้ใหม่ๆ หรือเทคโนโลยี มันหมุนเวียน เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งคนไทยรู้แต่ ภาษาไทยตัวเอง ไม่มีความสามารถ แข่งขันอะไร ในระดับโลก โลกทรรศน์สุดจะแคบ สำนักข่าวไทย รายงานแต่เรื่องเส็งเคร็ง ไม่ได้สร้างสรรค์คุณค่า ความรู้อะไร คนนั้นท้องกับคนนี้ ไปทำงานมา หลายประเทศ เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บอกได้เลย นักเรียนไทย โคตรจะขี้เกียจ ไม่รู้ปีหนึ่งๆ อ่านหนังสือกัน กี่เล่ม?...
รัฐบาลไหนจะคิดแก้ไขบ้างหนอ.ขี้เกียจ ปริญญา ชื้อหาได้ จบได้ กลายเป็นคนโง่ ขึ้นไปอีกคน เพราะมีใบประกาศ มีทิฐิเพิ่ม หมิ่นเงินน้อย ทำอะไรไม่เป็น คิดสร้างสิ่งใหม่ๆ ไม่ได้ เบียดเบียดครอบครัวประเทศชาติ เป็นภาระ เป็นปัญหาสั่งคม ไร้คุณภาพอ้างตกงานที่แท้ขาดความรู้ความสามารถ ทุกอย่างชอบจะชื้อ จะกิน จะอยู่แบบสบาย ขาดการศึกษา กล่อมเกลาจิต ไม่มีความอดทด ต่อสู้ เป็นคนงอมืองอเท้าอาศัยผู้อื่น สมองคนอื่นไปๆวัน ๆ โตแบบแก่งแย่ง ชิงดีกัน ไม่มีทีมเวิร์ค เริ่มแต่แย่งสมบัติของพ่อแม่ปู่ย่าตายาย
ต่อไปบ้านเมืองจะวุ่นวาย เพราะคนในชาติคิดสร้างไม่เป็น หมดสมบัติชาติ ผลาญหมด ผลาญทรัพยากรวัวควายไร่นาป่าไม้แร่ธาตุหมดแล้วจะกลับมาอยู่อย่างเดิมก็ไม่ได้ จบ ป.โท ป.เอก ทำไร่ทำนาไม่ได้ หากินเองไม่ได้ อนาคตเป็นทาสเขา เด็กขาดคุณภาพ ก็เป็นผู้ใหญ่ไร้คุณภาพ เป็นคนชราก็เป็นภาระประเทศชาติแน่นอน มีใบประกาศ ใบปริญญาแต่สังคมโลกไม่ยอมรับก็สูญปล่าว ต้องรีบแก้ไขเรื่องเหล่านี้ด่วน เร่งพัฒนาสังคม