"เสือดำต้องไม่ตายฟรี" โผล่หน้าสถานที่ประชุมผู้ถือหุ้นอิตาเลียนไทย "เปรมชัย"เผยมีแต่คนเห็นใจ
ข้อความ "เสือดำต้องไม่ตายฟรี" โผล่หน้าโรงแรมจัดประชุมผู้หุ้นอิตาเลียนไทย "เปรมชัย"ลั่นไม่ได้ทำ เผยโทรถามลูกค้ารายใหญ่มีแต่คนเห็นใจ
ข้อความ "เสือดำต้องไม่ตายฟรี" โผล่หน้าโรงแรมจัดประชุมผู้หุ้นอิตาเลียนไทย "เปรมชัย"ลั่นไม่ได้ทำ เผยโทรถามลูกค้ารายใหญ่มีแต่คนเห็นใจ
เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ได้จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถ.วิภาวดีรังสิต โดยบริเวณสะพานลอยข้ามถนนหน้าโรงแรมพบว่ามีผู้ใช้สีเปรย์พ่นข้อความระบุว่า "เสือดำต้องไม่ตายฟรี" เอาไว้
ขณะที่ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวหลังการประชุมผู้ถือหุ้น กรณีตกเป็นผู้ต้องหาคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกว่า "ผมไม่ได้ทำ ผมก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ได้โทรสอบถามทุกกรมทุกกระทรวงก็มีแต่คนเห็นใจผม"
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นการขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการของบริษัทหรือไม่ นายเปรมชัยกล่าวว่า "ผมก็ยังเป็นประธานบริหารต่อไป เพราะผมไม่ได้ทำ วันนั้น ผมไปถึง เย็นวันเสาร์ ผมก็ไปนอน ตื่นเช้ามา ก็เข้าไปทุ่งใหญ่และถูกจับในตอนเย็น และโดนกักขัง 2 วันสองคืน ติดต่อใครไม่ได้ เพราะถูกยึดโทรศัพท์ พอออกมา ก็เจอกับนักข่าวเป็นร้อย ส่วนภาพที่ออกมาก็ออกไปหมดแล้ว คิดว่าทางป่าไม้เป็นคนส่ง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการประชุม ได้มีผู้ถือหุ้นซักถามถึงคดีของนายเปรมชัย โดยนายเปรมชัยได้ตอบว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์วันนั้น ได้โทรไปสอบถามหน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีแต่ความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกลับมาและขอให้ตั้งใจทำงาน
"ส่วนเรื่องของงานที่กำลังเจรจาและเซ็นสัญญาอื่นๆก็ดำเนินการได้ตามปกติ ไม่ได้ส่งผลกระทบกับบริษัทแต่อย่างใด รวมถึงยังมีการเจรจากับธนาคารพาณิชย์ ข้าราชการ ก็ยังดำเนินการได้ปกติทั้งสิ้น ผมยืนยันได้ และตัวผมเองก็พยายามเข้าใจและเตรียมตัวมากขึ้นและพยายามจะตั้งใจทำงานให้ดีขึ้นกว่าเก่า"
ด้าน นายไกรศร จิตธรรม ประธานกรรมการตรวจสอบ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ กล่าวว่า "จากรณีทุ่งใหญ่นเรศวรที่สังคมและสื่อได้ตัดสินว่าผิดไปแล้ว และพยายามจะลงโทษทางใดทางหนึ่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้พูดว่า ให้ดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงและตามข้อกฎหมาย ซึ่งในฐานะที่เราก็มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนชาวบ้านทั่วไป ตัวผมเองเป็นประธานกรรมการตรวจสอบ หน้าที่หลักของกรรมการคือดูแลผลประโยชน์ผู้ถือหุ้น สิ่งแรกที่ทำหลังเกิดเหตุคือติดต่อกับผู้บริหารว่า พยายามจะดูผลกระทบการเลิกงานการขึ้นแบ็กลิสต์ การเพิกถอนเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ก็พยายามหาข้อมูลและติดตามมากที่สุด
"จะบอกว่าไม่ได้รับผลกระทบเลยคงไม่ใช่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือเพื่อนสนิทที่เป็นกรรมการ และทำงานเกี่ยวข้องด้านสิ่งแวดล้อมต้องลาออกไป สำหรับผลกระทบการดำเนินโดยตรงคงไม่มี เพราะจากงานที่มีอยู่ในมือและรอรับรู้รายได้ในอนาคตเกือบ 5 แสนล้านบาทซึ่งเพียงพอต่อระยะสั้นและระยะกลาง แต่ระยะยาวคือสิ่งที่บริษัทกำลังเตรียมคนรุ่นใหม่อยู่"
"หากมองในมุมต่างสิ่งที่สังคมถามกับบริษัทก็ทำให้เกิดแง่ดีที่ทำให้ผู้บริหารกรรมการบริษัทขนาดใหญ่ได้ตื่นตระหนักเรื่องการดูแลและอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติกันมากขึ้น จนตอนนี้มีการอนุรักษ์ไปถึงพื้นที่ป่าดอยสุเทพที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งการเขียนในหลักธรรมภิบาลและหลักจริยธรรมของบริษัทก็เขียนไว้ แต่สังคมจะทำหน้าที่และเล่นบทบาทมากที่สุด ซึ่งบริษัทก็ได้รับผลกระทบนั้น" นายไกรศรกล่าว