คุก 19 ปี หัวหน้าแก๊งค้ามนุษย์ชาวซูดาน ลวงสาวค้ากาม
ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 19 ปี “ไมเคิล” ชาวซูดาน เจ้าของผับย่านนานา หลอกสาวโมร็อกโกค้าประเวณี ส่วนเพื่อนซีเรีย-สาวนกต่อโมร็อกโก-ลูกน้อง 2 ชายไทย อ่วมเจอคุก 4 กระทง 16 ปี
ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 19 ปี “ไมเคิล” ชาวซูดาน เจ้าของผับย่านนานา หลอกสาวโมร็อกโกค้าประเวณี ส่วนเพื่อนซีเรีย-สาวนกต่อโมร็อกโก-ลูกน้อง 2 ชายไทย อ่วมเจอคุก 4 กระทง 16 ปี
วันที่ 18 ก.ค.61 เวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณา 708 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์หญิงสาวโมร็อกโก หมายเลขดำ คม.64/2560 ที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายไมเคิล เพิร์ล (Michael Pearl) อายุ 46 ปี ชาวซูดาน สัญชาติออสเตรเลีย , นายก๊อดซานหรือจาร์สิน วาคีย์ (Ghassan Wakej) สัญชาติซีเรีย อายุ 37 ปี ,นายฉลาด หรือชัยรัตน์ นราจันทร์ อายุ 63 ปี , นายอารีย์ หรือชยากร เอี่ยมสารี อายุ 46 ปี และนางฮานา เตายูรี อายุ 38 ปี สัญชาติโมร็อกโก เป็นจำเลยที่ 1-5 ฐานร่วมกันค้ามนุษย์ โดยเป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณีฯ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 ม.4,6,9,10,11,52 กับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 ม.4,9,11 และประมวลกฎหมายอาญา ม.283,310
โดยอัยการยื่นฟ้องและนำสืบว่า เมื่อระหว่างวันที่ 11 ต.ค.59 - 26 มี.ค.60 นายไมเคิล จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้จัดการดรีมดิสโก้ บริเวณชั้น 4 โรงแรมซีนิท ถ.สุขุมวิท 3 (นานาเหนือ) แขวงคลองเตย เขตวัฒนา กทม. ร่วมกับจำเลยอื่นๆ วางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำ ใช้กลอุบายหลอกลวงเป็นธุระจัดหาพาหญิงสาวชาวโมร็อกโกที่เป็นผู้เสียหายรวม 4 คน มาค้าประเวณีโดยหลอกลวงว่าให้มาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในประเทศไทย มีรายได้ดี มีความเป็นอยู่สบาย แต่พวกจำเลยกลับบังคับหน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขืนใจผู้เสียหายให้ค้าประเวณี เหตุเกิดที่แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. และประเทศโมร็อกโก เกี่ยวพันธ์กัน ชั้นพิจารณาจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
ซึ่งจำเลยทั้ง 5 คนที่ได้รับการประกันตัวตั้งแต่ชั้นฝากขังคนละ 300,000 บาท เมื่อเดือน ส.ค.60 ได้เดินทางมาศาลพร้อมฟังคำพิพากษา
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ 2 ฝ่ายนำสืบหักล้างดันแล้วข้อเท็จจริงแล้วรับฟังได้ว่า นายไมเคิล จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของผับดรีมดิสโก้ ส่วนหญิงผู้เสียหายทั้งสี่เป็นชาวโมร็อกโกเดินทางเข้ามาในประเทศไทยซึ่งถูกบังคับให้ขายบริการ โดยเมื่อมีการจับกุมกลุ่มจำเลยแล้ว เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์โดยสอบสวนผู้เสียหายที่ 1-2ไว้ แต่ไม่ได้สอบสวนผู้เสียหายที่ 3-4 เนื่องจากเดินทางกลับประเทศ
ซึ่งอัยการโจทก์ มีพยานหลักฐานเป็นบันทึกการสอบสวนผู้เสียหายที่ 1-2 ที่ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนางฮานา จำเลยที่ 5 ชักชวนให้ผู้เสียหายทั้งสี่เดินทางจากประเทศโมร็อกโกเข้ามาทำงานในประเทศไทย อ้างว่าจะให้มาทำงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารมีรายได้ดี ผู้เสียหายทั้งสี่จึงเดินทางเข้ามาประเทศไทยผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว จากนั้นจึงนั่งรถโดยสารมาที่สุขุมวิทแล้วไปพักที่โรงแรมแบกแดดก่อนไปทำงานที่ผับดรีมดิสโก้ ซึ่งมีนายไมเคิล จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของ ส่วนนายก๊อดซานหรือจาร์สิน จำเลยที่ 2 , นายฉลาด จำเลยที่ 3 , นายอารีย์ จำเลยที่ 4เป็นลูกน้อง โดยผู้เสียหายทั้งหมดถูกบังคับให้ขายบริการ หากไม่ทำก็จะถูกทำร้ายร่างกาย นอกจากนี้ ยังมีพนักงานสอบสวนดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ เบิกความเป็นพยานสอดคล้องกันต้องด้วย
ส่วนนางฮานาน จำเลยที่ 5 รับฟังได้ว่า ร่วมกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 โดยจำเลยทั้งห้าได้สมคบกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปเพื่อค้ามนุษย์ ซึ่งภายหลังที่ชักชวนผู้เสียหายทั้งสี่ให้เดินทางเข้ามาทำงานและถูกบังคับค้าประเวณีแล้ว นายไมเคิลกับนายก๊อดซาน จำเลยที่ 1-2 เป็นคนจ่ายเงินเดือนให้ ส่วนนายฉลาดและนายอารีย์ จำเลยที่ 3-4 เป็นผู้ควบคุมหญิงผู้เสียหาย
สำหรับข้อต่อสู้ที่จำเลยอ้างไม่เคยบังคับผู้เสียหายให้ค้ามนุษย์ ก็เป็นเพียงคำเบิกความลอยๆ ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อถือ จึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-5 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 ม.4 , 6(1) , 9 วรรคหนึ่งและวรรคสอง , 10 วรรคหนึ่ง , 11 , 52 กับพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 ม.4 , 9 วรรคหนึ่ง และประมวลกฎหมายอาญา ม.283 วรรคแรก , 310 วรรคแรก ประกอบ ม.83
โดยการกระทำของจำเลยที่ 1-5 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จึงให้จำคุกคนละ 2 กระทงๆละ 2 ปี รวมเวลาคนละ 4 ปี ฐานสมคบกันเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
ส่วนความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์โดยร่วมกันตั้งแต่ 3 คน ขึ้นไปร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อลวงไปหรือชักพาไปค้าประเวณีฯ ฐานเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นฯ และฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังฯ นั้นเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานสนองความใคร่ของผู้อื่นโดยเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขืนใจฯ ซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษหนักสุด ให้จำคุกคนละ 2 กระทงๆละ 6 ปี รวมเวลาคนละ 12 ปี
อย่างไรก็ตาม ในส่วนเฉพาะนายไมเคิล จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของผับที่กระทำความผิด ยังมีความผิด พ.ร.บ.พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 ม.4,11 วรรคหนึ่ง อีกกระทงหนึ่งด้วย ให้จำคุกอีก 3 ปี รวมจำคุก “นายไมเคิล” ชาวซูดาน จำเลยที่ 1 เป็นเวลาทั้งสิ้น 19 ปี
ส่วนนายก๊อดซานหรือจาร์สิน ชาวซีเรีย จำเลยที่ 2 , นายฉลาด จำเลยที่ 3 , นายอารีย์ จำเลยที่ 4 และนางฮานา ชาวโมร็อกโก จำเลยที่ 5 รวมเวลาจำคุกคนละ 16 ปี ส่วนข้อหาอื่นให้ยก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษาจำคุกแล้ว นางฮานา ชาวโมร็อกโก จำเลยที่ 5 ถึงกับแสดงอาการฟูมฟาย โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ได้ควบคุมตัวทั้งหมดที่ห้องควบคุมตัวชั้น 1 (ใต้ถุน) ศาลอาญา เพื่อรอเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางต่อไปหากไม่มีการยื่นประกันภายในวันนี้