posttoday

สธ.ยังไม่ผ่อนคลายมาตรการเตือนอย่าตีปีกผู้ติดเชื้อโควิดลดย้ำต้องให้เหลือน้อยที่สุด

10 เมษายน 2563

รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เตือนอย่าประมาทตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดลด ยกผับทองหล่อ-สนามมวยอุทาหรณ์ ย้ำมาตรการต้องเข้มเหมือนเดิม ชี้วางใจได้ก็ต่อเมื่อไม่พบเชื้อห่างจากรายสุดท้าย14วัน

น.พ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แนวโน้มผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 100 คนต่อวัน ว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะดีใจแล้วตีปีก แล้วจะผ่อนคลายมาตรการใดๆ ซึ่งมาตรการใดๆที่เราทำอยู่ในขณะนี้ เป็นเพียงแค่การชะลอและลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ให้น้อยลง หากถามว่าพอใจหรือยัง ต้องตอบว่ายัง เพราะจะต้องลดจำนวนผู้ป่วยให้เหลือน้อยที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้

ทั้งนี้อยากจะเรียนว่ามาตรการหลายอย่างที่ขอความร่วมมือ เพื่อให้ลดความแออัดในพื้นที่สาธารณะให้ลดน้อยลง ยังเป็นมาตรการที่สำคัญและจำเป็นที่จะต้องดำเนินการต่อไป

น.พ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ส่วนเมื่อใดถึงจะวางใจได้ว่าเชื้อหมดไปจากพื้นที่แล้ว นั้น ในอดีตจะใช้เวลา 1หรือ 2 เท่าของจำนวนระยะเวลาเชื้อฟักตัว และต้องไม่เจอผู้ป่วยรายใหม่ ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวนั้นอีก ดังนั้นเวลาที่จะสบายใจได้ว่าไม่มีโรคนั้นต้องอย่างน้อย 14 วัน หลังจากเจอผู้ป่วยรายสุดท้าย จึงจะวางใจได้ว่าพื้นที่นั้นไม่มีโรคเหลืออยู่ แต่ในทางกลับกันถ้าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่

“ฉะนั้นอย่าเพิ่งประมาทหรือวางใจ เพราะโรคนี้เป็นโรคที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เราพลาดแค่ครั้ง สองครั้ง ซึ่งขอประชาชนอย่าลืมเหตุการณ์เกิดขึ้นที่สถานบันเทิงย่านทองหล่อ และเหตุการณ์แพร่ระบาดเป็นวงกว้างที่สนามมวย เพราะเหตุการณ์เหล่านี้พลาดเพียงแค่ครั้งเดียวก็จะทำให้ยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นสูงเป็น 40-80 คน ได้ในเพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ขอให้ใจเย็นๆ เพราะตอนนี้ทุกฝ่ายก็พยายามดูว่ามาตรการในระยะต่อไป หากสถานการณ์เริ่มดีขึ้นมากจนสามารถที่จะผ่อนคลายอะไรบางอย่าง ได้เราก็จะเริ่มผ่อนคลาย ไม่ใช่เราไม่คิด เพราะเริ่มมีคนพูดกัน ช่วยกันคิดหลายฝ่าย” น.พ.ธนรักษ์ กล่าว

รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า การติดเชื้อโควิด-19 สมมติหากมีผู้ติดเชื้อ 100 ราย จะมี 30ราย ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ และสามารถหายได้เองโดยไม่ต้องรักษาอะไรเลย และแทบจะไม่มีโอกาสของการแพร่เชื้อ แต่กลุ่มที่น่ากังวล คือกลุ่มที่มีอาการ โดยจะแพร่เชื้อได้ ต่อเมื่อพูดจาใกล้ชิด ไอจามใส่กัน ผ่านละอองฝอยน้ำลาย