posttoday

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนประหาร"ผอ.กอล์ฟ" ฆ่าชิงทองปี 63

20 กรกฎาคม 2564

ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนโทษอาญาประหารชีวิตสถานเดียว "ผอ.กอล์ฟ" ฆ่าชิงทองลพบุรี ปี 63 อุทธรณ์ขอลดโทษฟังไม่ขึ้น ชี้รับสารภาพเหตุจำนนหลักฐาน พฤติการณ์ทารุณโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 64 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ผ่านระะบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ คดีฆ่าชิงทอง ในห้างสรรพสินค้า ใน จ.ลพบุรี ปี 2563 หมายเลขดำ อ.409/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ และบริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ อายุ 39 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจ.สิงห์บุรี เป็นจำเลย

ในความผิด 9 ข้อหา 1.ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฯ 2.พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น 3.ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้อาวุธปืน และใช้ยานพาหนะ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายสาหัส 4.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิด โดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน 5.พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุสมควร และโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว

6.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต 7.มีและใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ 8.ใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ฐานชิงทรัพย์ 9.มียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

ซึ่งอัยการโจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 20 ก.พ.63 บรรยายพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค.63 จำเลยซึ่งมีอาวุธปืน ออโตเมติก ขนาด 9 ม.ม.ทะเบียน กท 5027346 เลขหมาย A 300638 ติดท่อเก็บเสียง 1 อัน ซองกระสุนปืนพร้อมเครื่องกระสุน ได้นำอาวุธ พร้อมเครื่องกระสุนเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาลพบุรี แล้วยิง นายธีระฉัตร นิ่มมา พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของห้างฯ รวมทั้งประทุษร้ายบุคคลทั่วไปจนเป็นเหตุให้ ด.ช.ภาณุวิชญ์ วงศ์อยู่ และ น.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานร้านทองโอโรร่า จนถึงแก่ความตาย และจำเลยยังได้ยิงบุคคลอื่นอีก 4 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนชิงเอาสร้อยคอทองคำ น้ำหนักเส้นละ 1 บาท จำนวน 22 เส้น น้ำหนักเส้นละ 2 สลึง อีก 11 เส้น รวม 33 เส้น เป็นเงินทั้งสิ้น 664,470 บาท ของบริษัท ออโรร่าดีไซน์ จำกัด ผู้เสียหายไปโดยทุจริต ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ต่อมาเจ้าหนักงานตำรวจได้สืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัวจำเลยได้พร้อมของกลางหลายรายการ และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ ได้ขอคัดค้านการประกันตัวจำเลยด้วยเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงเกรงว่าจะหลบหนี และขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดกับให้จำเลยคืนสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง จำนวน 1 เส้น ราคา 12,300 บาท และจี้ทองคำรูปหัวจรวด น้ำหนัก 1 กรัม ราคา 1,565 บาท หรือใช้ราคาทรัพย์รวมเป็นเงิน 13,955 บาท แก่ผู้เสียหาย บริษัท ออโอร่าดีไซน์ จำกัดด้วย

โดยนายประสิทธิชัย ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมาตลอดนับตั้งแต่ถูกจับกุมเดือน ม.ค.63 ซึ่งศาลอาญาที่เป็นศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ส.ค.63 ว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด โดยเมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วให้ประหารชีวิตและปรับ 1,000 บาท ฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

นอกจากนี้ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหาย รวม 10 รายที่เป็นญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บด้วย รวม 6,359,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จด้วย ส่วนที่ขอให้จำเลยชดใช้ทรัพย์คืนแก่ห้างทองออโรร่า โจทก์ร่วมนั้น จำเลยก็ชดใช้ราคาทรัพย์คืนแก่โจทก์ร่วมแล้ว

ต่อมา จำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้ลดโทษ

ศาลอุทธรณ์ พิจารณาแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมล้วนเป็นพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และพยานแวดล้อมกรณีที่บ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจำเลยคือคนร้ายที่กระทำความผิดดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย จึงมีน้ำหนักอันมั่นคงให้รับฟังได้ว่าจำเลยคือคนร้ายที่กระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย

ปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อมาตามอุทธรณ์ของจำเลยว่ามีเหตุสมควรลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 หรือไม่เห็นว่าโจทก์และโจทก์ร่วมมีพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และพยานแวดล้อมกรณี มาสืบให้รับฟังได้อย่างมั่นคงว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทั้งสาม และผู้เสียหายที่ 1 -3 และที่ 5 และชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำของห้างทองออโรร่า โจทก์ร่วม แล้วหลบหนีไปโดยจำเลยไม่ได้ลุแก่โทษเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานและสารภาพความผิด แต่ได้ความว่าเจ้าพนักงานตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับจนกระทั่งจับจำเลยได้

ซึ่งลำพังแต่พยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมาก็เพียงพอที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยได้แล้ว ดังนั้นการที่จำเลยรับสารภาพเป็นเพราะจำนนต่อหลักฐาน การที่จำเลยชิงทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส และฆ่าผู้อื่น เพื่อความสะดวกในการกระทำผิดอย่างอื่น

ลักษณะของการกระทำความผิด จึงเป็นไปโดยโอกาสไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ทารุณไร้มนุษยธรรม ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลย ชดใช้ความเสียหายเพื่อบรรเทาผลร้าย สำนึกผิดหรือมีคุณความดีดังที่อุทธรณ์ก็ไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะสมควรใช้ดุลพินิจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้แก่จำเลยเลยได้ ที่ศาลชั้นต้นลงโทษประหารชีวิตโดยไม่ลดโทษให้ย่อมเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

อย่างไรก็ดี ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มีพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564 มาตรา 4 ให้ยกเลิกความในมาตรา 224 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และให้ใช้ความใหม่แทน ดังนั้นในการคิดดอกเบี้ยผิดนัดของค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ถึงกำหนดเวลาชำระตั้งแต่วันที่พระราชกำหนดดังกล่าวใช้บังคับคือวันที่ 11 เม.ย.64 เป็นต้นไปนั้น จำเลยจะต้องชำระดอกเบี้ยผิดนัดแก่ ทายาทผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้ง 10 รายในอัตราที่แก้ไขใหม่ คือ ให้ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีจนถึงวันที่ 10 เม.ย.64 ให้ชำระดอกเบี้ยอัตราใหม่ร้อยละ 5 ต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.64 เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะชำระค่าสินไหมทดแทนเสร็จ