"พาณิชย์" เชือด11ราย โก่งราคา “ฟ้าทะลายโจร-ชุดตรวจATK”
พาณิชย์ เอาผิด คนขายฟ้าทะลายโจร ค้ากำไรเกินควร 10 ราย- ชุดตรวจโควิด ATK 1 ราย พร้อมแจ้งจับแพล็ตฟอร์มออนไลน์ ฐานปล่อยขายออนไลน์ผิดกฎหมาย โทษคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท
เมื่อวันที่ 13 ส.ค.64 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายฟ้าทะลายโจร ผ่านระบบออนไลน์หรือผ่านแพลตฟอร์มที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควร โดยกรมการค้าภายใน ได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีผู้ที่ขายฟ้าทะลายโจร ผ่าน 2 แพลตฟอร์ม คือ Lazada และ Shopeeจำนวน 10 ราย 3 ยี่ห้อ 1.ยี่ห้อ อภัยภูเบศร โดยพฤติการณ์เป็นนำฟ้าทะลายโจรยี่ห้ออภัยภูเบศร ไปค้ากำไรเกินควร 8 ราย เป็นฟ้าทะลายโจรขนาดบรรจุ 60 แคปซูล ซึ่งราคาแนะนำที่ผู้ผลิตแจ้งกับกรมการค้าภายในจำหน่ายในราคา 80 บาท มีผู้นำไปขายผ่านแพลตฟอร์มในราคาขวดละ 349 - 450 บาท แพงกว่าราคาที่แจ้งไว้ถึง 336% - 463%
2.ยี่ห้อใบห่อ ขนาดบรรจุ 70 แคปซูล ราคาแนะนำ 25 บาท ขายบนแพลตฟอร์ม Lazada119 บาท สูงกว่าราคาที่แจ้งไว้ 376% จำนวน 1 ราย และ 3.ยี่ห้อไฟโตแคร์ขายบนแพลตฟอร์ม Shopee ขนาดบรรจุ 100 เม็ด ราคาที่กำหนดไว้ 180 บาท ขายผ่าน Shopee 490 บาท สูงกว่าราคาที่ควรจะเป็น 172% รวม 10 ราย เข้าข่ายค้ากำไรเกินควรผิดมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายใน กับกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จะร่วมกันไปความดำเนินคดีต่อไปทั้งดำเนินคดีกับผู้จำหน่าย และดำเนินคดีกับผู้มีอำนาจตามกฎหมายของแพลตฟอร์ม Lazada และ Shopee ด้วย
ขณะที่การดำเนินคดีกรณีนำชุดตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตนเองหรือ ATK ที่กระทรวงสาธารณสุข ให้จำหน่ายได้ในร้านขายยาที่มีเภสัชชกรควบคุมนั้น มีการนำไปจำหน่ายในร้านขายยาแห่งหนึ่งที่เข้าข่ายการค้ากำไรเกินควรที่ราคาแนะนำ 350 บาท ที่เป็นราคาที่ผู้นำเข้าแจ้งกับกรมการค้าภายในไว้ ปรากฏว่าไปขายในร้านขายยา 450 บาท สูงกว่าราคาที่ควรจะเป็น 29% ถือว่าผิดตามมาตรา 29 จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นการขายในร้านขายยาแถวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา
"และวันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ กกร.มีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการชุดหนึ่ง ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นรองประธาน เลขาธิการ อย.เลขาธิการ สคบ. อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม และผู้บังคับการตำรวจ ปคบ. เป็นกรรมการ 11 ท่าน จาก 5 หน่วยงานสำคัญ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์แนวทางและมาตรการในการกำกับดูแลการจำหน่าย ATK ที่ใช้กับตนเองหรือแบบ Home use ให้เป็นทำตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการต่อไปอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งหากประชาชนพบเห็นการค้ากำไรเกินควร ขอให้ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569" นายจุรินทร์ กล่าว
ด้าน นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า จากกรณีที่มีการจับกุมผู้จำหน่ายฟ้าทะลายโจร และถ้าประชาชนต้องการรายละเอียดว่าราคาแนะนำหรืออ้างอิงการจำหน่ายปลีกแต่ละชนิดเป็นเท่าใด ให้ตรวจสอบได้จากการประกาศไว้ และประชาชนสามารถเข้าดูได้ที่เว็บไซต์ของกรมการค้าภายใน ตามลิ้งค์นี้ https://www.dit.go.th/โดยกองจัดระบบราคาและปริมาณสินค้า กรมการค้าภายในประกาศไว้ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2564
อย่างไรก็ตาม รายงานกรมการค้าภายใน ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่องโดยใช้กฎหมาย หรือพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ที่มีอยู่นั่นคือมาตรา 28 เกี่ยวกับการแสดงหรือปิดป้ายราคาสินค้า และมาตรา 29 เกี่ยวกับการขายเกินราคา ขายเกินราคาที่สมควร และเกิดความปั่นป่วนทางราคา ซึ่งการดูแลความเป็นธรรมการจำหน่ายชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ Covid-19 นั้น ก่อนหน้านี้กรมการค้าภายใน ได้ทำความเข้าใจและขอความร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ให้มีการจำหน่ายที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากชุดตรวจที่ใช้กับตนเอง หรือ Home use นั้น จะต้องได้รับคำปรึกษาจากเภสัชกรเท่านั้น ซึ่งจะมีการจำหน่ายได้ 3 ช่องทาง คือ สถานพยาบาล , หน่วยงานของรัฐ และร้านขายยาที่มีเภสัชกรให้คำแนะนำ ดังนั้น การจำหน่ายออนไลน์ถือว่าผิดกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.และเป็นชนิดที่แตกต่างจากแบบ Professional use และกระทรวงสาธารณสุขให้ความเห็นว่า ATK เป็นเวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรคตามประกาศ กกร.ฉบับที่ 8 พ.ศ.2564 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2564
รายงานระบุว่า ด้านคุณสมบัติและเทคนิค ATK ชุดตรวจแบบใช้กับตนเองนั้น แต่ละผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกัน ทั้งเทคนิค วัสดุ ประสิทธิภาพของน้ำยา รวมถึงระยะเวลาการแสดงผลการตรวจ ส่วนการขึ้นทะเบียนชุดตรวจกับนั้นขึ้นกับ อย. กระทรวงสาธารณสุข โดยพิจารณาจากการผ่านมาตรฐานการตรวจสอบความแม่นยำเท่านั้น สำหรับด้านปริมาณชุดตรวจแบบใช้กับตนเองนี้เป็นสินค้าต้องนำเข้าเกือบ 100% สำหรับการคิดต้นทุนและราคาจะพิจารณาจากปริมาณการสั่งซื้อ แหล่งที่มา ยี่ห้อผลิตภัณฑ์ ค่าบริหารจัดการค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กรมการค้าภายใน ได้ให้ทางผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่งแจ้งรายละเอียดทั้งกำลังการผลิต จำนวน ปริมาณ ราคาต้นทุน รายละเอียดตามกฎหมาย ทั้งนี้ เมื่อมีประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมร้องเรียนมา ก็จะได้มีการสืบสวนสอบสวนราคา เพื่อปฏิบัติตามกฏหมายมาตรา 28 และ 29 ของ พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ต่อไป