posttoday

จ่อบุกสรรพสามิตรจี้ปรับโครงสร้างภาษียาสูบสอดคล้องสภาพศก.

21 กันยายน 2564

สหภาพยสท. -ชาวไร่ยาสูบวอนรัฐปรับโครงสร้างภาษียายาสูบใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ โวยเอ็นจีโอกดดันรัฐบาลขึ้นภาษีบุหรี่มหาโหดเตรียมบุกสรรพสามิต

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. นายสุเทพ ทิมศิลป์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ เปิดเผยว่า วันที่ 1 ต.ค. กระทรวงการคลังกำหนดจะเริ่มใช้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่แทนโครงสร้างปัจจุบันที่ใช้มาตั้งแต่ 16 ก.ย.2560 ซึ่งรัฐมีบทเรียนจากการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่รอบที่แล้วเมื่อปี 2560 ซึ่งทำให้บุหรี่ยี่ห้อหลัก ๆ ของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ต้องขึ้นราคา 10-30 บาทต่อซอง หรือราว 20%-50% เพราะภาระภาษีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในชั่วข้ามคืน จึงเกิดปัญหาบุหรี่เถื่อนทะลักเข้ามามากขึ้นถึง 29% ในที่สุดกำไรของ ยสท. ลดลงไป 94% จาก 9.3 พันล้านบาทเมื่อปี 2560 เหลือเพียง 550 ล้านบาทในปี 2563 ทำให้ ยสท.เองก็ไม่มีกำลังและความต้องการซื้อใบยาสูบมากเหมือนเมื่อก่อน

ทั้งนี้ รมว.คลังไม่ควรอ่อนไหวไปกับกระแสกดกันของกลุ่มเอ็นจีโอถ้าคิดกันเพียงว่า การขึ้นภาษีสูงๆ จะช่วยดูแลสูขภาพคนไทยและเพิ่มรายได้ภาษีให้รัฐ แต่ไม่ได้ประเมินสภาพความเป็นจริงในประเทศอย่างรอบด้านอย่างแท้จริงเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดปัญหาซ้ำรอยปี 2560 ที่ทำให้บุหรี่ถูกกฎหมายต้องขึ้นราคาอย่างก้าวกระโดด จนบุหรี่เถื่อนเกลื่อนเมืองจะหวังการปราบปรามก็ทำได้ไม่ทั่วถึงซึ่งเป็นปัญหากับอาชญากรรมอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องบุหรี่เถื่อนนี่คือเหตุผลว่า ทำไมตอนนี้บุหรี่เถื่อนถึงทะลักเข้ามามากตอนนี้ไม่ใช่แค่กำไรของ ยสท. และรายได้ของชาวไร่ยาสูบเท่านั้นที่ลดลง แต่รายได้ภาษีสรรพสามิตยาสูบของรัฐบาลที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ก็ลดลงทุกปีเช่นกัน

นายสุเทพ กล่าวถึงผลกระทบในอุตสาหกรรมยาสูบจนถึงปัจจุบันว่า เกษตรกรและเครือข่ายผู้ค้าบุหรี่ที่ขายบุหรี่ถูกกฎหมายอีกเกือบ 500,000 คนทั้งต้นน้ำ-กลางน้ำและปลายน้ำได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตลอดระยะเวลาเกือบ 82 ปี ที่ตั้งโรงงานยาสูบ จนมาถึงการเป็นการยาสูบแห่งประเทศไทยและทำให้เกษตรกรซึ่งปลูกยาสูบนั้นได้รับผลกระทบและต้องออกมาประท้วงกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน และที่สำคัญก็คือผู้สูบบุหรี่ก็ไม่ได้ลดน้อยลงตามวัตถุประสงค์ที่เครือข่ายต่อต้านได้ตั้งความหวังไว้ ผลกำไรสุทธิ 88% ที่ยสท. ต้องนำส่งเข้าคลัง ก็ไม่ได้มีการนำส่งมาตั้งแต่ปี 2560 เท่ากับเม็ดเงินในการบริหารประเทศหายไปถึง  34,000 ล้านบาท ภาษีก็เก็บได้น้อยลง แต่บุหรี่เถื่อนได้ประโยชน์มากขึ้น

"การปรับโครงสร้างภาษีครั้งใหม่ที่จะใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2564 เป็นต้นไปนั้น อยากวิงวอนฝ่ายนโยบายและ นายกรัฐมนตรีว่า อย่าทำพลาดซ้ำสอง ขอให้ภาระภาษีใหม่นี้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ถ้าบุหรี่ถูกกฎหมายต้องขึ้นราคาอีก 6-8 บาทตามข่าวก็ถือว่ามากแล้ว ขอให้ ยสท. พร้อมพนักงานและลูกจ้างเกือบ 3 พันชีวิต ได้ลืมตาอ้าปากบ้าง”นายสุเทพกล่าว

ด้าน นายสงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์จังหวัดเพชรบูรณ์ หนึ่งในแกนนำภาคีชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่าตั้งแต่ที่ชาวไร่ยาสูบถูก ยสท.ตัดโควตารับซื้อในปี 2561 มาต่อเนื่อง 4 ปี หลังจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่เมื่อปี 2560 นั้น ที่ผ่านมาชาวไร่ได้เงินชดเชยเพียงปีเดียวคือของปี 2561

“ตอนนี้พี่น้องชาวไร่ยาสูบกว่า 30,000 ครอบครัวในจังหวัดภาคเหนือ อีสานและภาคกลาง ฝากความหวังไว้ที่นายกรัฐมนตรีและรมว.คลังว่าจะไม่ปล่อยให้โครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ ซ้ำเติมปัญหาปากท้องซึ่งลำบากมากอยู่แล้วตอนนี้ หากบุหรี่ต้องขึ้นราคาไปถึง 8 บาทต่อซอง ไปขายที่ราคา 68 บาท ตามที่เป็นข่าวจริง ๆ พวกเราคงต้องโดนการยาสูบฯ ลดโควตารับซื้อใบยาสูบลงอีกแน่ ๆอีกวันสองวันนี้เราจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่กระทรวงการคลังเพื่อให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ”นายสงกรานต์กล่าว

อย่างไรก็ตาม เรื่องเงินชดเชยพวกเราเรียกร้องมาต่อเนื่องทุกปีแต่ก็ยังไร้วี่แวว อยากฝากไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและท่านนายกรัฐมนตรีว่า ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่อ่อนแอแบบนี้หวังว่าท่านจะเห็นใจพวกเราบ้าง อย่าคิดแต่จะขึ้นภาษีมากๆ เป็นการซ้ำเติมชาวไร่ตามที่นักวิชาการเรียกร้อง เพราะเจ็บมาพอแล้วในปี 2560 ดังนั้นในครั้งนี้ขอให้ท่านฟังเกษตรกรรากหญ้าอย่างพวกเราบ้างไม่ใช่ฟังแต่หมอหรือนักวิชาการที่เอาแต่เป้าหมายสุขภาพโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ