ตร.แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายอาสาสกัดรถทำเด็กเจ็บ เจ้าตัวเผยไม่ได้ใช้ไม้ตี
ตำรวจแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายอาสาสมัครสกัดจักรยานยนต์ทำเด็ก2ขวบเจ็บ เจ้าตัวยันไม่ได้ใช้ไม้ตี แต่เอาไม้มากั้นแล้วเกิดพลาดไปโดนเด็ก
ตำรวจแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายอาสาสมัครสกัดจักรยานยนต์ทำเด็ก2ขวบเจ็บ เจ้าตัวยันไม่ได้ใช้ไม้ตี แต่เอาไม้มากั้นแล้วเกิดพลาดไปโดนเด็ก
จากกรณีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครตำรวจ สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี ใช้ไม้สกัดรถจักรยานยนต์ที่มีชายคนหนึ่งขี่มาและมีภรรยาและลูกโดยสารมาด้วย จนไม้ไปโดนศีรษะของเด็กชายวัย 2 ขวบที่ซ้อนจักรยานยนต์มาได้รับบาดเจ็บ ซึ่งต่อมาผู้เป็นมารดาได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ เจ้าหน้าที่อาสาฯรายนี้นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มี.ค. เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัว นายจักรภพ บุญรอด อาสาสมัครที่ก่อเหตุมาสอบปากคำ แต่ปรากฏว่า อาสารายนี้ไม่ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด
ขณะที่ พ.ต.ท.กฤษณ์ มาสุข รอง ผกก.ป.สภ.หนองปรือ ได้เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปเยี่ยมอาการของเด็กที่บาดเจ็บที่โรงพยาบาลมาแล้ว และได้ให้คำยืนยันกับแม่ของเด็กไปแล้วว่าจะให้ความเป็นธรรมถึงที่สุด รวมทั้งจะดูแลค่ารักษาพยาบาลและอาการของเด็กอย่างเต็มที่
ขณะนี้เแพทย์ได้ตรวจอาการของเด็กแล้วพบว่าไม่มีปัญหาทางสมองแต่อย่างใด แต่ก็คงต้องพักรักษาตัวจนกว่าจะปลอดภัย
พ.ต.ท.กฤษณ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เองก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งความจากแม่เด็กไว้แล้วเรื่องทำร้ายร่างกาย แต่ด้วยเด็กติดแม่มากจึงต้องรอให้เด็กดีขึ้นก่อนจึงจะเรียกตัวแม่เด็กมาสอบปากคำและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมทั้งผลการประเมินจากแพทย์ด้วยว่าอาการของเด็กรุนแรงขนาดไหน เพราะขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา อาสาสมัครรายนี้ไว้เพียง ทำร้ายร่างกาย ซึ่งหากผลการตรวจของแพทย์พบว่าเข้าข่ายอันตรายแก่ร่างกายถึงจิตใจ หรือบาดเจ็บสาหัส หรือเข้าข่ายพยายามฆ่าก็จะทำการตั้งข้อหาเพิ่ม และจะเรียกตัวอาสารายนี้มารับทราบข้อกล่าวหาและสอบปากคำ
"สำหรับอาสาที่ก่อเหตุนั้นทราบว่าทำงานอาสามานานเกือบ 10 ปีแล้ว ปกติก็เป็นคนดีช่วยเหลืองานราชการเป็นอย่างดี และจากการพูดคุยเบื้องต้นเจ้าตัวก็รู้สึกเสียใจร้องไห้ตลอดเวลาและอยากไปเยี่ยมอาการของเด็กแต่เห็นว่าไม่เหมาะสมจึงระงับไว้ก่อน"
"ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทราบว่ามีการตั้งด่านตรวจรถผิดกฎหมายจริงในเวลา 22.00 น.ของคืนเกิดเหตุ โดยทางเจ้าหน้าที่มอบหมายให้ทางอาสาได้คอยดักรถที่พยายามหลบหนี กระทั่งมาเจอเคสของครอบครัวนี้ ซึ่ง อาสาสมัครยืนยันว่าไม่ได้ตีตามที่พ่อเด็กบอก เพียงแต่เอาไม้กั้นไว้แต่พ่อเด็กขับรถเร็วและเบี่ยงหลบไม้จึงตวัดไปโดนที่ศีรษะเด็กเท่านั้น"
"อย่างไรก็ตามก็เป็นสิทธิที่แต่ละคนจะให้การแต่ก็ถือว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งก็จะต้องทำการสอบข้อเท็จจริงต่อไป"พ.ต.ท.กฤษณ์กล่าว
ด้าน ชายอายุ 28 ปี พ่อของเด็กได้เดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมขอให้มีการตรวจปัสสาวะตัวเองเพื่อหาสารเสพติด ซึ่งก็ยอมรับว่าได้เสพมาเมื่อ 2-3 วันก่อน พร้อมกล่าวว่าการกระทำเช่นนี้ถือว่าไม่ถูกต้องจะขอให้ดำเนินคดีกับอาสารายนี้ถึงที่สุด ส่วนตัวเองจะโดนคดีเสพหรือหลบหนีการจับกุมไม่สวมหมวกนิรภัยก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการไปอย่างเต็มที่ เนื่องจากเสียใจที่บุตรชายได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้สอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน