ภรรยาไม่เถียง! กู้เงินนอกระบบเล่นพนันจนสามีฆ่าตัวตาย
ขอนแก่น-นิติเวชยืนยันผลชันสูตร"ยอดชาย"ฆ่าตัวตาย ฝ่ายภรรยาสารภาพกู้เงินนอกระบบเล่นการพนันร่ำไห้จุดธูปขอโทษสามี
พ.ต.อ.นพเก้า โสมนัส รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า ได้รับแจ้งทางวาจา ผลการชันสูตรของแพทย์นิติเวช กรณีการเสียชีวิตของนายยอดชาย แสนสงค์ อายุ 46 ปี ก่อเหตุผูกคอตายในบ้านพัก ส่วนเอกสารที่เป็นผลของนิติเวชจากแพทย์จะได้ในสัปดาห์หน้า เชื่อว่าทุกอย่างจะกระจ่างขึ้น แต่ญาติพอใจหรือไม่ ไม่รู้ หากญาติต้องการนำส่งศพไปตรวจพิสูจน์ต่อ ตำรวจก็คงไม่ขัดข้อง หรือจะส่งศพตรวจซ้ำที่นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ก็ได้ เพราะมีการประสานงานไว้เรียบร้อยแล้ว
ที่วัดสว่างมนาวาส บ้านแหมือดแอ่ ม.7 ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสวดอภิธรรมศพนายยอดชาย แต่ยังไม่มีการเผาศพคนตายเพราะญาติต้องการรอผลชันสูตรนิติเวชก่อน
นางดวงมี แสนสงค์ อายุ 70 ปี มารดาของนายยอดชาย เปิดเผยว่าไม่เคยทราบปัญหาในครอบครัวของลูกชายนานๆจะไปหาที่บ้าน แต่ไม่เคยพูดหรือบ่นเรื่องใดในชีวิตหรือครอบครัวผู้ตายเป็นคนไม่ค่อยพูด และไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น เป็นคนดีมาทั้งชีวิต จึงไม่เชื่อว่าจะฆ่าตัวตาย
นางยุพิน พรมกัน อายุ 41 ปี ภรรยาผู้ตาย กล่าวว่า เรื่องการตายของสามีส่วนตัวคิดมาตลอดว่าน่าจะเกิดจากการที่ตัวเองกู้ยืมเงินนอกระบบมา เมื่อสามีรู้เรื่องอาจจะเกิดความเสียใจ จนคิดสั้นผูกคอตายก็ได้ แต่การตายไม่ปกติ เพราะมีเลือดไหลออกมาจากอวัยวะเพศ จนต้องมีการตรวจพิสูจน์สภาพร่างกายให้ละเอียดเพราะคิดว่า จะถูกกลุ่มคนทวงหนี้ ทำให้สามีตาย ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออกทุกอย่างดูสับสนวุ่นวาย แต่ได้ให้กำลังใจตัวเองว่า ไม่มีสามีหาเลี้ยงตัวเองกับลูก ตัวเองก็ต้องเข็มแข็ง และไม่ยืมหนี้สินอีก จะหาเงินเลี้ยงลูกและตัวเอง จะไม่หนีไปไหน จะหางานทำ หาเงินมาใช้หนี้ และอยู่ที่บ้านกับลูก ซึ่งลูกคือกำลังแรงใจในตอนนี้ สงสารลูก จนไม่กล้าจะพูดกับลูก ซึ่งคิดไว้ว่า เมื่อทุกอย่างจบสิ้นและเผาศพสามีแล้วจะบอกลูกว่า พ่อไม่อยู่แล้ว ลูกๆต้องทำตัวให้ดี ตั้งใจเรียน
"ส่วนที่ชาวบ้าน ครหาว่า ตัวเองกู้เงินนอกระบบมาใช้เล่นพนันไม่เถียง เพราะว่าก็เล่นกัน หลายๆคนก็เล่น แต่เมื่อมีงานทำ ทุกคนก็ทำงาน ไม่ได้นิ่งเฉย คิดเสมอว่า ทุกคนรักครอบครัว ถ้ารู้ว่าจะเกิดเหตุร้ายเช่นนี้ คงไม่หนีออกจากบ้านไป เพราะเมื่อหนีไปแล้วก็โทรศัพท์มาหาสามี พูดคุยกันว่าหนีออกจากบ้านเพราะเป็นหนี้ จะหางานทำ หาเงินกลับไปใช้หนี้จำนวน 80,000 บาท สามีจึงบอกให้กลับบ้าน มาพูดคุยกัน หาทางช่วยกัน หาเงินใช้หนี้ จึงบอกสามีว่า อีก 2 วันจะกลับมาหา สามีก็ว่าจะรอที่บ้าน จากนั้นก็วางสาย แต่พอเย็นวันที่ 5 ก.ค.โทรมาหา ปรากฏว่า สามีตายแล้ว จึงเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึง เพราะผัว เมียไม่ได้ทะเลาะกัน ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ถ้าแพทย์นิติเวชชันสูตรแล้ว ว่าสามีฆ่าตัวตาย ก็ยอมรับได้ และคิดว่า ถ้าสามีฆ่าตัวตาย อาจจะมาจากเรื่องหนี้สินที่ตัวเองกู้มา จนทำให้สามีคิดสั้น และไม่โทษใครเพราะโง่เอง และได้จุดธูปบอกสามีว่าขอโทรกับสิ่งที่เกิดขึ้นหากเป็นเพราะว่าสาเหตุมาจากตนเองสร้างหนี้จนทำให้สามีตาย และจะไม่ทำอีก จะเลี้ยงดูให้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนนี้จะทำได้" นางยุพิน กล่าว
ด้าน พระครูสุมนปัญญาธิคุณ เจ้าอาวาสวัดสว่างมนาวาส น้าชายของผู้ตาย กล่าวว่า ตั้งแต่หลานชายเสียชีวิต ยังไม่อะไรที่เป็นคำตอบที่ชัดเจนในสิ่งที่ญาติพี่น้องต้องการ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งบอกว่าสืบสวนสอบสวนในกรณีต่างๆ ก็พูดได้ แต่อาตมาไม่เชื่อ เพราะผลสรุปทั้งหมดอยู่ที่แพทย์นิติเวช เท่านั้น แต่ถ้าผลชันสูตรของแพทย์ออกมาแล้ว ตำรวจนำมาชี้แจงแถลงต่อญาติพี่น้องและชาวบ้าน ถ้าทุกคนเข้าใจและยอมรับได้ ก็จบ แต่ถ้ามีคนขัดแย้งและยังไม่ยอมรับก็จะมีการส่งศพหลานชายไปตรวจพิสูจน์ที่รพ.ตำรวจ ที่กรุงเทพฯต่อไป จนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน โปร่งใส จึงจะเผาศพ
“ ทุกวันนี้ มีการสวดอภิธรรมศพทุกวัน ญาติพี่น้องทุกคนก็ยังคลางแคลงใจในการตายของนายยอดชาย เพราะผู้ตายเป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องราวกับใคร ส่วนเรื่องในครอบครัวนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวที่คนภายนอกไม่รู้ ซึ่งก็ต้องถามภรรยาผู้ตาย แต่เมื่อถามแล้ว เขาไม่มีปัญหากัน มีเพียงเรื่องที่ภรรยากู้เงินนอกระบบมาใช้จ่ายจำนวน 80,000 บาท และต้องจ่ายคืนวันละ 4,000บาท ซึ่งผู้ตายเพิ่งรู้ในวันที่ มีคนมาทวงหนี้ที่บ้านและภรรยาหนีออกจากบ้าน ซึ่งในเรื่องดังกล่าวได้แจ้งให้ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่นทราบและให้ตรวจสอบในเรื่องผลชันสูตรจากแพทย์ และตรวจสอบเรื่องการปล่อยกู้นอกระบบ และยาเสพติด ซึ่งเหมือนจะได้รับความสนใจจากตำรวจเป็นอย่างมาก แต่ในทางการตายของหลานชายยังไม่มีความกระจ่าง เพราะทุกฝ่ายยังรอผลจากแพทย์นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์”พระครูสุมนปัญญาธิคุณ กล่าว