OR ไทยเด็ด Select เดินหน้าหนุนชุมชนสร้างรายได้ SME

     บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ( OR ) เผยผลงาน โครงการไทยเด็ด และ ไทยเด็ด Select ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สามารถสร้างรายได้และการเติบโตให้กับวิสาหกิจชุมชนไปแล้วกว่า 350 ราย ทั่วประเทศ โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา สร้างรายได้รวมกว่า 50 ล้านบาท สำหรับปีนี้  OR ตั้งเป้าขยายช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าไทยเด็ดในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น เป็น 300 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้จากปีละ 50 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท สำหรับโครงการไทยเด็ด นับเป็นแนวทางขับเคลื่อนการสร้างโอกาสเพื่อคนตัวเล็ก Small (S) หนึ่งในแนวคิด SDG ในแบบฉบับของ OR ภายใต้วิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth หรือ เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน  โดยโครงการไทยเด็ด ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรสนับสนุนสินค้าจากวิสาหกิจชุมชน ร่วมพัฒนาองค์ความรู้ สร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยคัดเลือกสินค้าที่เป็นของดีของเด็ดของแต่ละจังหวัดนำมาจำหน่ายในมุมและร้านค้าไทยเด็ดที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศ เพื่อช่วยส่งต่อโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของสังคมชุมชน และสร้างโอกาสให้คนตัวเล็ก มีการเติบโตที่ยั่งยืน

     ทั้งนี้ ในแต่ละปี โครงการไทยเด็ด จะมีการคัดเลือกสินค้าที่มีความโดดเด่นด้านเรื่องราวความเป็นมาที่เกี่ยวข้องกับชุมชนท้องถิ่น 3-5 รายการเข้ามาเป็น “ไทยเด็ด Select” ซึ่งได้สร้างอาชีพ รายได้ สร้างความภาคภูมิใจ สามารถสืบทอดอาชีพได้อย่างมั่นคง และเป็นหนทางทำมาหากินที่คนรุ่นใหม่ ๆ  ไม่ต้องอพยพย้ายมาทำงานในต่างถิ่น

     OR มีความเชื่อมั่นในการสร้างความร่วมมือและการส่งต่อโอกาสเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์และเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน จึงได้มีแนวทางสร้างอนาคตธุรกิจที่ยั่งยืนในแบบฉบับของ OR ที่เรียกโดยย่อว่า SDG (Small, Diversified & Green) โดยมีเนื้อหาสำคัญคือ

S – SMALL: สร้างโอกาสเพื่อคนตัวเล็ก ผ่านการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน

D – DIVERSIFIED: สร้างโอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบผ่านศักยภาพของ OR ที่จะเป็น Platform ในการกระจายโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายและครอบคลุม พร้อมเติบโตไปด้วยกัน

G – GREEN: สร้างโอกาสเพื่อสังคมสะอาด ผ่านการส่งเสริมธุรกิจทุกประเภทของ OR ให้เป็นธุรกิจสีเขียว เพื่อสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืนและบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 (2030) ตลอดจนมุ่งสู่การบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ภายในปี 2593 (2050)

เปิดความสำเร็จ วิสาหกิจชุมชน ไทยเด็ด Select 

     จินตนา พิมพานิชย์ ประธานกลุ่มทอผ้าย้อมครามบ้านคำประมง จากวิสาหกิจชุมชนบ้านคำประมง จ.สกลนคร กล่าวว่า กลุ่มทอผ้าบ้านคำประมงจัดตั้งขึ้นเมื่อ 10 ก.ย. 61 มีสมาชิกเริ่มต้น 11 คน โดยการระดมทุนคนละ 100 บาท สมาชิกส่วนใหญ่เป็นแม่บ้าน วัยกลางคน ที่ว่างเว้นจากการทำนา ทำสวน ซึ่งทุกบ้านจะมีกี่ (ทอผ้า) ตนเองจึงมีไอเดียในการนำเงินไปซื้อฝ้ายซีกวงมาให้สมาชิกทำการย้อมและทอผ้าเพื่อจำหน่าย

     โดยจุดเด่นของสินค้าอยู่ที่กระบวนการผลิตที่เริ่มจากการนำฝ้ายซีกวงมาย้อมด้วยคราม โคลน และเปลือกไม้ เป็นการย้อมสีธรรมชาติ แล้วนำไปทอเป็นลวดลายต่างๆ ทำให้มีลวดลายการทอที่เป็นเอกลักษณ์ 2 ลายคือ ลายกลีบมะเฟืองและลายโค้งภูพาน โดยในช่วงเริ่มต้น สมาชิกทั้ง 11 คนมีรายได้จากการนำผ้าทอย้อมครามไปจำหน่ายได้ประมาณ 300 บาท/เดือน/ครัวเรือน หลังจากชุมชนเข้าร่วมโครงการไทยเด็ด และได้รับคัดเลือกเป็นไทยเด็ด Select ในปี 2565 ปัจจุบัน ชุมชนมีรายได้เพิ่มจาก 300 บาท/เดือน/ครัวเรือน เป็น 15,000 บาท/เดือน/ครัวเรือน 

     วีรเวช ศุภวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กุ๊บไต จํากัด กล่าวว่า ถั่วลายเสือ จากวิสาหกิจชุมชนปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน เป็น ถั่วพันธุ์พิเศษ ที่ได้รับพระราชทานพันธุ์จากสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งเสด็จทรงงานในโครงการพระราชดําริในพื้นที่ทุรกันดารของ จ.แม่ฮ่องสอน ได้ทรงพระราชทานเมล็ดพันธุ์ถั่วลิสงกาฬสินธุ์ 2 ให้ชาวเขาทดลองปลูกด้วยวิถีธรรมชาติ บนพื้นที่ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเกิน 800 เมตร เพื่อเป็นการสร้างอาชีพให้แก่ประชาชนบนภูเขาสูง ผลผลิตที่ได้คือถั่วมีฝักยาว เมล็ดใหญ่เรียงกัน 4 เมล็ด และเกิดลายสีแดงเข้มต่างสีกับเนื้อเมล็ดเสมือนลายเสือพาดกลอน จึงถูกขนานนามใหม่ว่า “ถั่วลายเสือ” (Tiger-Stripe Peanut)

     จากนั้น บริษัท กุ๊บไต จํากัด ได้คัดเลือกถั่วลายเสือจากวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกถั่วลิสงบ้านนํ้าบ่อสะเป่ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ที่ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อนํามาคั่วด้วยเกลือจนได้ กลิ่นหอมชวนรับประทาน บรรจุด้วยกรรมวิธีมาตรฐานเพื่อให้สินค้ามีคุณภาพสําหรับผู้บริโภคที่รักสุขภาพรับประทาน โดยขนาด  22 กรัม กรัม ราคา 17 บาท และ 125 กรัม ราคา 70 บาท ทั้งนี้ หลังเข้าร่วมโครงการไทยเด็ด ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นจาก 400,000 บาท/เดือน เป็น 550,000 บาท/เดือน ช่วยสนับสนุนวัตถุดิบ (ถั่วลายเสือดิบ) จากชุมชน เพิ่มขึ้นจาก 80,000 บาท/เดือน เป็น 200,000 บาท/เดือน โดยยอดขายปี 2565 สูงถึง 5,000,000 บาท

     นอกจากนี้ยังมีสินค้าไทยเด็ด Select จากวิสาหกิจชุมชนที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง อาทิ ข้าวบุญบันดาล จากวิสาหกิจชุมชนบ้านเก่าน้อย จ.มหาสารคาม ผลผลิตจากผืนนาเกษตรอินทรีย์ ทุ่งกุลาร้องไห้ โดยปลูกในพื้นที่อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เป็นข้าวสารจากเกษตรกรสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเก่าน้อย ในเขต GI แหล่งภูมิศาสตร์ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ต้องการรักษาระบบนิเวศน์ของที่ดิน เป็นผลิตภัณฑ์ที่คนปลูกข้าวต้องการรักษาสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมกับชุมชนที่มีความตั้งใจอยากชวนคนรุ่นใหม่ไปพัฒนาบ้านเกิดและยกระดับข้าวอินทรีย์ให้ไปสู่สากล

     ข้าวหอมมะลิอินทรีย์แห่งทุ่งกุลาร้องไห้ นับเป็นสินค้าเกรดที่ดีที่สุด เพราะทั้งปลูกในเขต GI ซึ่งต้องการรักษาระบบนิเวศของที่ดิน ข้าวทุกเม็ดยังได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี ใช้ปุ๋ยพืชสดหมักเอง และสีข้าวเปลือกโดยโรงสีของชุมชน ทำให้ข้าวบุญบันดาลให้สัมผัสนุ่มลิ้น หอมกลิ่นดอกมะลิ เหมาะเป็นของฝากแก่คนที่คุณรัก บรรจุถุงละ 1 กก. ราคาถุงละ 120 บาท

นอกจากนี้ยังมี ข้าวลายเสือ  สินค้าที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของข้าว ประกอบด้วยข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องหอมมะลิ และข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ข้าวที่ปลูกและพัฒนาภายใต้แบรนด์ “ข้าวบุญบันดาล” 

     หลังจากเข้าร่วมโครงการไทยเด็ดทำให้มีเกษตรกรเข้าร่วมวิสาหกิจชุมชนข้าวบุญบันดาล แปลงนาเกษตรอินทรีย์ เพิ่มขึ้นจาก 800 ไร่ เป็น 2,000 ไร่ มีเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ในโครงการครอบคลุม 3 จังหวัด คือ มหาสารคาม สุรินทร์ และบุรีรัมย์ โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นจาก 10,000 บาท/เดือน เป็น 36,000 บาท/เดือน ยอดขายปี 2565 มูลค่า 120,000 บาท 

     ขนมโบว์อิสตานา จากวิสาหกิจชุมชนอนุรักษ์ภูมิปัญญา (อิสตานา) จ.ปัตตานี ขนมโบว์ หรือ ขนมผูกรัก เป็นขนมภูมิปัญญาท้องถิ่นจังหวัดชายแดนภาคใต้มาช้านาน ด้วยการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาต่อยอดเป็นของฝาก ของที่ระลึก ไส้ขนมผลิตจากปลาทะเลแหลมโพธิ์ ที่จับโดยชาวประมงพื้นบ้าน ผสมเครื่องเทศ และสมุนไพรต่างๆ ทำให้มีรสชาติเฉพาะตัว เข้มข้นครบรสทั้งหวาน เค็ม เผ็ด ให้คุณค่าทางโภชนาการ ไม่มีวัตถุเจือปน มีให้เลือก 3 รสชาติ ได้แก่ รสดั้งเดิม สาหร่าย และสไปซี่ 

     นอกจากจะเป็นของฝากแล้ว ยังนิยมทำเพื่อรับประทานในเทศกาลสำคัญๆ เช่น วันตรุษอิดิ้ลฟิตริ (ฮารีรายอ) เป็นของชำร่วยวันงานแต่ง พิธีเข้าสุหนัต พิธีขึ้นบ้านใหม่ เหมาะสำหรับทานคู่กับน้ำชา กาแฟ เพื่อฉลองในช่วงเทศกาล มีความกรอบของแผ่นแป้ง หอมอร่อยด้วยไส้ปลาและกุ้งที่ใส่มาแบบแน่นๆ

     สแน็คบาร์ผลไม้ไรซ์มี จากวิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพชุมชนเกาะกก จ.ระยอง ข้าวไรซ์เบอร์รี่สแน็คบาร์ ผลผลิตจากผืนนาแปลงสุดท้ายในพื้นที่มาบตาพุด ที่ต้องการอนุรักษ์ประเพณีลงแขก และเปิดโอกาสให้ชุมชนได้มาใช้พื้นที่นา 30 ไร่ได้อย่างอิสระต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน สแน็คบาร์ผลไม้ ไรซ์มี เป็นขนมเพื่อสุขภาพผลิตจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ผสมกับธัญพืช ทั้งอิ่มท้อง สะดวก พกพาง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย 

     ผู้ที่สนใจสามารถมาอุดหนุนสินค้าไทยเด็ดได้ที่มุมและร้านค้าไทยเด็ด ณ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น 132 สาขาทั่วประเทศ และเว็บไซต์ https://thaidet.pttor.com/