ออกย่ำไปใน ปิล๊อก เหมืองที่ร่ำรวยด้วยสายหมอก
ท่ามกลางหุบเขาและสายหมอกสุดเขตแดนตะวันตก ครั้งหนึ่งเคยเป็นเหมืองแร่ที่รุ่งเรือง
โดย สืบสิน ภาพ : กีกี้
ท่ามกลางหุบเขาและสายหมอกสุดเขตแดนตะวันตก ครั้งหนึ่งเคยเป็นเหมืองแร่ที่รุ่งเรือง ซึ่งรู้จักกันดีในนาม เหมืองผีหลอก หรือว่า เหมืองปิล๊อก ที่ใครไปเยือนต่างก็หลงใหลในมนต์เสน่ห์ที่ได้สัมผัส
เหมืองปิล๊อกตั้งอยู่ในหมู่บ้านอีต่อง อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ในอดีตนั้นเคยรุ่งเรืองถึงขีดสุด ย้อนไปเมื่อหลาย 10 ปีก่อน มีผู้พบเห็นชาวเมียนมาเข้ามาลักลอบขุดแร่ในพื้นที่ ต.ปิล๊อก ไปขายให้ทหารอังกฤษ ทำให้กรมทรัพยากรธรณีสมัยนั้นนำคณะนายช่างมาสำรวจที่นี่แล้วพบว่าพื้นที่แถบนี้มีแร่ดีบุกและวุลแฟรมอยู่มากมาย รวมไปถึงแร่ทังสเตน และยังมีสายแร่ทองคำ ปะปนอยู่อีกมากมาย
ต่อมาปี 2483 องค์การเหมืองแร่กรมโลหะกิจ ได้เปิด “เหมืองปิล๊อก” ขึ้นเป็นแห่งแรกที่บ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก จากการเปิดเหมืองในครั้งนั้นเองได้เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจกับกรรมกรเมียนมาอย่างรุนแรง เพราะฝ่ายไทยมีกฎห้ามกรรมกรเมียนมานำแร่ไปขายให้อังกฤษ แต่กรรมกรเมียนมาฝ่าฝืน จึงเกิดการปะทะกัน ทำให้มีผู้บาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก ชาวบ้านจึงพาเรียกกันว่า “เหมืองผีหลอก” ต่อมาเพี้ยนเป็น “ปิล๊อก” ซึ่งกลายเป็นชื่อเหมืองแร่ และตำบลในเวลาต่อมา
ดินแดนแห่งนี้เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ของบรรดานายเหมืองทั้งหลายที่ต่างหลั่งไหลเข้ามา ผู้แสวงโชคมีทั้งคนไทย เมียนมา และที่มาจากแถบอินเดีย เหมืองแร่จึงสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ชุมชนโดยรอบเป็นอย่างมาก ก่อนประสบภาวะราคาแร่โลกตกต่ำในปี 2528 บรรดาเหมืองแร่ทยอยปิดตัวลง ไม่เว้นแม้แต่เหมืองปิล๊อก ที่ทิ้งไว้เพียงตำนานเมืองเหมืองอันรุ่งเรือง
ทว่าในปัจจุบัน ปิล๊อกกลับฟื้นอีกครั้ง เพราะได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่แวดล้อมด้วยภูเขาอันสลับซับซ้อน และยังสัมผัสความสวยงามของเทือกเขาตะนาวศรีได้ 360 องศาเลยทีเดียว และหากขึ้นมาบนยอดเขาในเวลากลางวันในวันอากาศดีจะสามารถมองเห็นทะเลอันดามันตรงอ่าวเมาะตะมะของเมียนมาอย่างเต็มตา นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกจุดหนึ่งทีเดียว
พื้นที่บนยอดเขาถูกเรียกกันว่า เนินเสาธง เป็นพื้นที่ยอดเขาที่กั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมา โดยที่ทางการทหารไทยได้จัดตั้งเสาธงพร้อมติดธงชาติไทยขนาดใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าพื้นที่นี้เป็นจุดพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมา ทางการทหารไทยจึงได้ให้ชื่อพื้นที่แห่งนี้ว่า “เนินเสาธง” ซึ่งได้อนุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าเที่ยวชมได้
เมื่อเราอยู่บนเนินเสาธงนี้แล้ว เราจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันสดชื่นและแสนบริสุทธิ์ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้รอบตัว ทั้งทิวทัศน์ที่สวยงามในประเทศไทยและทิวทัศน์ในประเทศเมียนมาในคราวเดียวกัน เสมือนกับท้องทะเลอันดามันฝั่งเมียนมานั้นได้โอบล้อมภูเขาเอาไว้อย่างงดงาม
นอกจากทิวทัศน์ที่สวยงาม ห่างจากอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ประมาณ 5 กิโลเมตร เราจะได้เที่ยวน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี นั่นคือ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น รวมถึงน้ำตกผาแป เป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของบ้านป้าเกล็น ห่างกันประมาณ 2.5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ยังมีความเป็นธรรมชาติ เนื่องจากตั้งอยู่กลางหุบเขาอันสลับซับซ้อน ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชัน การเดินทางไปน้ำตกผาแปต้องใช้รถที่มีกำลังขับเคลื่อนเท่านั้น
และน้ำตกเจ็ดมิตรตั้งอยู่ในเขตสัมปทานการทำเหมืองแร่ดีบุกของบ้านป้าเกล็น ชื่อที่มาของน้ำตกเจ็ดมิตรนั้นเป็นชื่อที่ตั้งตามผู้บุกเบิกเหมืองแร่จำนวน 7 คน ที่เดินทางสำรวจหาแหล่งแร่ การเดินทางเข้าไปตัวน้ำตกจะต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเช่นกัน เพราะหนทางค่อนข้างลำบาก
ในหมู่บ้านอีต่อง หมู่บ้านเล็กๆ ยังมีวิถีชีวิตของตลาดยามเช้าให้สัมผัส มีวัด ร้านอาหาร รวมถึงโฮมสเตย์ให้เลือกพักอย่างสบายใจ และด้วยสถานที่ตั้งของหมู่บ้านจะมีแหล่งน้ำใสให้ความสดชื่น และข้างๆ บ่อน้ำนี้เองจะมีป้ายไม้เอาไว้ขายแล้วนำมาห้อยที่
ริมสะพาน ซึ่งสามารถเขียนชื่อและความประทับใจไว้ให้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งได้มาเยือนดินแดนแห่งสายหมอกแห่งนี้แล้วนั่นเอง