ชาตินิยมขวาผยองยุโรปเตรียมล้างบาง

“กลุ่มขวาจัดในยุโรป” กลายเป็นประเด็นครึกโครมไปทั่วโลกภายหลังเหตุการณ์สังหารโหดในนอร์เวย์

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

“กลุ่มขวาจัดในยุโรป” กลายเป็นประเด็นครึกโครมภายหลัง แอนเดอร์ส เบห์ริง เบรวิก หนุ่มนอร์เวย์ มือสังหาร 76 ศพ ให้การต่อศาลกรุงออสโล เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า แม้การกระทำของตนจะโหดเหี้ยม แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อปลดแอกยุโรปจากอิทธิพลและอำนาจของศาสนาอิสลาม อีกทั้งบันทึกออนไลน์มากกว่า 1,500 หน้าของเบรวิก ยังสะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า หนุ่มนอร์เวย์วัย 32 ปี รายนี้ฝักใฝ่กลุ่มขวาจัดหัวรุนแรง

กลุ่มขวาจัดหัวรุนแรงมักมีความเชื่อว่าคนผิวขาวนั้นเหนือกว่าชาติพันธุ์อื่นๆ อีกทั้งพวกนี้ยังรังเกียจชาวต่างชาติและแรงงานอพยพ โดยมักวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลฝ่ายซ้ายที่เกื้อหนุนชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยในประเทศ โดยมองว่าแรงงานอพยพนั้นเข้ามาแย่งชิงพื้นที่ในประเทศของตน

ความจริงแล้วกลุ่มขวาจัดมีประวัติการเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศยุโรปมาเป็นเวลานานแล้ว โดยเฉพาะในแถบยุโรปเหนือ ทางด้านผู้เชี่ยวชาญมองว่านับวันกลุ่มนี้ยิ่งจะมีอิทธิพลมากขึ้น เนื่องจากในระยะหลังได้พยายามวาดภาพของมุสลิมว่าเป็นศัตรูที่แท้จริงของคนขาว จนชาวยุโรปเริ่มตื่นตระหนกและหันมาสนับสนุนแนวทางของกลุ่มนี้มากขึ้น

ในประเทศ นอร์เวย์ มีพรรคการเมืองเอียงฝ่ายขวาอย่าง “พรรคก้าวหน้า” ซึ่งได้ต่อต้านนโยบายเปิดประเทศรับผู้อพยพของพรรคแรงงานมาตลอด แต่หลายฝ่ายก็มองว่าการที่พรรคก้าวหน้าไม่มีที่นั่งในสภานั้น ทำให้การต่อต้านแรงงานผู้อพยพในนอร์เวย์ไม่เข้มข้นเหมือนกับในต่างประเทศ

ในส่วนของประเทศเดนมาร์ก และสวีเดนนั้น พรรคฝ่ายขวากลับประสบความสำเร็จได้ที่นั่งในสภา และนับวันก็ยิ่งมีความเข้มแข็งมากขึ้น โดยในเดนมาร์กมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มขวาจัดอย่างชัดเจน ซึ่งนำโดยพรรคเดนนิชพีเพิลปาร์ตี้ พรรคนี้เคยชูนโยบายต่อต้านแรงงานต่างด้าวและเรียกร้องให้มีการยกเลิกมาตรการช่วยเหลือประเทศด้อยพัฒนา อีกทั้งยังเคยเกิดเหตุอื้อฉาวในเดนมาร์กมาแล้วในปี 2005 เมื่อหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้ลงภาพล้อเลียนท่านนบีมูฮัมหมัด ศาสดาของศาสนาอิสลาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอคติที่มีต่อชาวมุสลิม

ประเทศสวีเดนเองก็ขึ้นชื่อว่ามีกลุ่มขวาจัดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปเหนือ โดยเมื่อปี 2553 พรรคสวีเดน เดโมแครต พรรคขวาจัดของสวีเดน สามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการได้รับเลือกเข้าสภาครั้งแรก โดยทางพรรคนั้นได้รณรงค์หาเสียงต่อต้านการอพยพเข้าเมืองของชาวมุสลิมมาโดยตลอด และได้กล่าวโทษชาวมุสลิมว่าเป็นสาเหตุของปัญหาต่างๆ ในประเทศ นอกจากนี้ เบรวิกเองยังเคยเป็นสมาชิกกลุ่มเว็บบอร์ด “นีโอนาซี” ของสวีเดน

ทางด้านประเทศเนเธอร์แลนด์ ก็มีกลุ่มขวาจัดในรูปของพรรคการเมืองที่ชื่อว่า “พรรคเสรีภาพ” (Freedom Party) โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่ากลุ่มนี้นับวันจะยิ่งมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น เพราะได้ที่นั่งในสภาถึง 24 ที่นั่งจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2553 อีกทั้ง เกิร์ต ไวลเดอร์ส ผู้ก่อตั้งพรรคและสมาชิกรัฐสภา ยังได้เคยเปรียบท่านนบีมูฮัมหมัด ศาสดาของศาสนาอิสลาม ว่าเป็นซาตาน เบรวิกเองก็ได้ยกย่องพรรคเสรีภาพว่าเป็นพรรคอนุรักษนิยมเพียงแห่งเดียวในยุโรปที่ยังคงยึดมั่นต่ออุดมการณ์ของกลุ่มขวาจัด แต่ล่าสุดทางพรรคก็ได้ออกมาประณามการกระทำของเบรวิก

ในส่วนของประเทศเยอรมนีก็มีกลุ่มอนุรักษนิยมหัวรุนแรงอย่างกลุ่ม “นีโอนาซี” โดยสมาชิกกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนผิวขาวซึ่งมีความเชื่อว่าคนผิวขาวนั้นเป็นใหญ่เหนือเผ่าพันธุ์อื่นๆ อีกทั้งยังมีประวัติเคยทำร้ายชาวต่างชาตินับไม่ถ้วน

สำหรับประเทศอังกฤษนั้น นับว่าเป็นประเทศที่กลุ่มใฝ่ขวามีอิทธิพลอย่างยิ่ง เนื่องจากพรรคอนุรักษนิยมนั้นสามารถชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2553 และได้จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเสรีประชาธิปไตย อีกทั้งอังกฤษยังมีพรรคชาตินิยมอังกฤษ ซึ่งเคยออกกฎเหล็กอนุญาตให้เฉพาะคนขาวเท่านั้นเข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่ม ทางพรรคนั้นยืนกรานในนโยบายปิดกั้นประเทศจากแรงงานต่างด้าว และเมื่อปี 2552 ก็ประสบความสำเร็จสามารถคว้าที่นั่งในสภายุโรปได้เป็นครั้งแรก

อีกทั้งประเทศอังกฤษยังมีกลุ่มสันนิบาตชาวอังกฤษปกป้องชาติ (English Defence League) ซึ่งต่อต้านการขยายอิทธิพลของศาสนาอิสลามในอังกฤษ กลุ่มนี้ขึ้นชื่อในเรื่องการจัดการชุมนุมประท้วงต่อต้านชาวมุสลิมตามท้องถนนของประเทศ โดยนับตั้งแต่ได้มีการก่อตั้งกลุ่มก็มีการจัดชุมนุมประท้วงมาแล้ว 25 ครั้งทั่วประเทศ เชื่อกันว่าเบรวิกนั้นรู้จักกับสมาชิกกลุ่มนี้มากกว่า 6,000 คน และเคยเข้าร่วมประท้วงกับกลุ่มอีกด้วยเมื่อปี 2553

ทั้งนี้ อังกฤษกำลังเป็นที่สนใจ ภายหลังบันทึกออนไลน์ของเบรวิกได้อ้างถึงที่ปรึกษาชาวอังกฤษที่ชื่อ “ริชาร์ด” อีกทั้งข้อความตอนหนึ่งมีการอ้างว่า เบรวิกนั้นได้เข้าร่วมประชุมกลุ่มขวาจัดที่กรุงลอนดอนเมื่อต้นปี และยังได้รับเลือกจากที่ประชุมให้เป็น 1 ในผู้พลีชีพ 80 คน เพื่อโค่นรัฐบาลทั่วยุโรปที่อ่อนข้อต่ออิทธิพลของศาสนาอิสลาม

เหตุสะเทือนใจที่นอร์เวย์ได้เตือนสติประชาคมโลกว่า ยังมีภัยอันตรายอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มก่อการร้ายมุสลิม โดยภัยร้ายรูปแบบใหม่นี้คือกลุ่มขวาจัดหัวรุนแรง แม้กลุ่มนี้จะมีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นพลเมืองท้องถิ่นซึ่งดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร แต่นานาประเทศก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะพวกเขาเหล่านี้ก็สามารถแผลงฤทธิ์สำแดงเดชได้เช่นกัน