ยากูซ่าญี่ปุ่นหันมาจับธุรกิจชานมไข่มุก
เมื่อยากูซ่าญี่ปุ่นหันมาจับธุรกิจชานมไข่มุก เพราะลงทุนน้อย ได้กำไรงาม แต่ผู้ซื้ออาจเข้าข่ายหนุนอาชญากรรมด้วยเช่นกัน
เมื่อยากูซ่าญี่ปุ่นหันมาจับธุรกิจชานมไข่มุก เพราะลงทุนน้อย ได้กำไรงาม แต่ผู้ซื้ออาจเข้าข่ายหนุนอาชญากรรมด้วยเช่นกัน
ชานมไข่มุกหรือ Bubble tea แม้จะเป็นของหวานที่มีต้นกำเนิดจากประเทศไต้หวัน แต่ความนิยมของชานามไข่มุกก็ได้แผ่กระจายไปในหลายประเทศทั่วทั้งเอเชียโดยเฉพาะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เช่นเดียวกับในประเทศญี่ปุ่นที่มีร้านชานมสัญชาติไต้หวันเปิดสาขาในกรุงโตเกียวเพิ่มมาขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการของญี่ปุ่นเองก็พยายามกระโดดเข้ามาเป็นผู้เล่นในธุรกิจชานมเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือแก๊งค์ยากูซ่า
รายงานจาก Asia Time เปิดเผยว่า ธุรกิจชานมไข่มุกในญี่ปุ่นนั้นกำลังได้รับความสนใจจากบรรดาแก๊งค์ยากูซ่าอยู่ไม่น้อย โดยรายงานของเอเชียไทม์ได้ระบุถึง Shūkan Post ซึ่งตีพิมพ์รายงานว่าแก๊งค์ยากูซ่ารายใหญ่แห่งหนึ่งได้เปิดร้านชานมไข่มุกขึ้นในเส้นทางรถไฟฟ้าสายยามาโนเตะ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายสำคัญที่วิ่งผ่านใจกลางโตเกียว โดยขณะนี้ขยายสาขาไปแล้วอย่างน้อย 23 สาขา
หัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่ารายหนึ่งเปิดเผยว่า การเปิดร้านชานมในแต่ละสาขานั้นใช้เงินลงทุนเพียง 20,000 ดอลลาร์ หรือราว 6 แสนบาทเท่านั้น ในส่วนของค่าเช่าร้าน รวมถึงอุปกรณ์และส่วนผสมต่างๆของชานมที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพียงแต่นี้ก็สามารถขายชานมได้แล้ว ไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากมาย แถมบางสาขาอาจคืนทุนได้ในไม่กี่สัปดาห์
อย่างไรก็ดี วงการยากูซ่าของญี่ปุ่นนั้นเป็นค่อนข้างเป็นวงการสีเทา หลายครั้งที่ผ่านมายากูซ่ามักลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย เช่นการพนัน ค้ามนุษย์ ยาเสพติด หรือลักลอบนำเข้าสินค้า ลงทุนในธุรกิจต่างๆ หรือแม้แต่การขายอาหารริมทาง ในหลายเมืองของญี่ปุ่นมีกฎหมายต่อต้านการสนับสนุนยากูซ่าซึ่งถือเป็นอาชญากรรมอย่างหนึ่ง แต่ยากูซ่าบางแก๊งค์ก็ทำเรื่องดีๆอย่างสนับสนุนเงินทุนช่วยเหลือในยามที่เกิดภัยพิบัติ
ทั้งนี้ รายงานจากสถาบันวิจัยการตลาด Allied Market Research ระบุว่า ธุรกิจชานมไข่มุกทั่วโลกนั้นมีมูลค่าอยู่ที่ราว 1.9 พันล้านดอลลาร์เมื่อปี 2016 และคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นถึง 3.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 โดยชานมหนึ่งแก้วในญี่ปุ่นมีต้นทุนอยู่ที่เพียง 100 เยนเท่านั้น แต่สามารถขายได้ถึง 500 เยนต่อแก้ว
ที่มา : https://www.asiatimes.com/