เผยโควิด-19 กลายพันธุ์ในอินเดีย แพร่เชื้อง่าย-อาจกระทบวัคซีน
เราต้องกังวลกับการเปิดเผยครั้งนี้ขององค์การอนามัยโลกหรือไม่? ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในเวลาที่ไทยกำลังเจอเชื้อกลายพันธุ์จากอังกฤาเช่นกัน
เจนีวา, 17 เม.ย. (ซินหัว) — เมื่อวันศุกร์ (16 เม.ย.) องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่าบี.1.617 (B.1.617) เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ ซึ่งอุบัติขึ้นในอินเดีย อาจก่อให้เกิด “การแพร่ระบาดมากขึ้น” หรือแม้กระทั่ง “ลดทอนตัวลบล้างฤทธิ์” สืบเนื่องจากการกลายพันธุ์ที่มีลักษณะเฉพาะ
มาเรีย แวน เคอร์โคฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคโรคโควิด-19 ขององค์การฯ แถลงข่าวว่ากลุ่มศึกษาจีโนมเชื้อโรคโควิด-19 แห่งอินเดีย (INSACOG) เปิดเผยว่าบี.1.617 ปรากฏครั้งแรกในอินเดียเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2020 โดยมีการกลายพันธุ์ลักษณะเฉพาะ 2 ตำแหน่ง ได้แก่ อี484คิว (E484Q) และแอล452อาร์ (L452R) ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบในสายพันธุ์ไวรัสที่แพร่ระบาดเป็นวงกว้าง
“การกลายพันธุ์สองตำแหน่งที่พบในสายพันธุ์อื่นๆ ทั่วโลกเป็นสิ่งน่ากังวล เนื่องจากเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เหล่านี้มีความคล้ายคลึงกัน และอาจมีส่วนเพิ่มความสามารถการแพร่ระบาด นอกจากนั้นเชื้อบางส่วนยังลดทอนตัวลบล้างฤทธิ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมาตรการต่างๆ รวมถึงวัคซีนด้วย” แวน เคอร์โคฟกล่าว
ขณะเดียวกันแวน เคอร์โคฟ ตั้งข้อสังเกตว่าบี.1.617 กำลังแพร่กระจายไปยังหลายประเทศ และมีรายงานการตรวจพบทั่ว “เอเชียและอเมริกาเหนือ”
อย่างไรก็ดี องค์การฯ จัดให้เชื้อไวรัสกลายพันธุ์ 2 ตำแหน่ง (double mutant) ดังกล่าวเป็น “เชื้อที่ต้องสืบสวน” (Voi) หรือเป็นเชื้อที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนแต่ต้องเริ่มเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และยังไม่บ่งชี้ว่าจำเป็นต้องยกระดับการดำเนินการด้านสาธารณสุข
อนึ่ง เมื่อไม่นานนี้ กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียเผยแพร่แถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ระบุว่าบี.1.617 สามารถเพิ่มอัตราการติดเชื้อและหลบหลีกการป้องกันทางภูมิคุ้มกันได้
อนุเคราะห์เนื้อหาข่าวโดยสำนักข่าวซินหัว
Photo by NOAH SEELAM / AFP