posttoday

ผู้เชี่ยวชาญชี้วัคซีนโควิด-19 ฝีมือจีน มีประสิทธิภาพลดป่วยรุนแรง-เสียชีวิต

05 กรกฎาคม 2564

“ตัวชี้วัดสำคัญของความสำเร็จคือการป้องกันการเสียชีวิตและจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่ใช่เป้าหมายที่จะทำให้ผู้ป่วยโรคโควิด-19 เป็นศูนย์”

วอชิงตัน, 5 ก.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันเสาร์ (3 ก.ค.) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานว่าคณะผู้เชี่ยวชาญต่างไม่แสดงข้อกังขาใดๆ เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ผลิตในจีน เนื่องจากเชื่อว่ามันช่วยลดอาการป่วยขั้นรุนแรงและการเสียชีวิตลงได้

รายงานระบุว่าหลายประเทศ อาทิ มองโกเลีย เซเชลส์ และชิลี ซึ่งใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ผลิตในจีนเป็นส่วนใหญ่ ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนครบโดสให้ประชากรมากกว่าร้อยละ 50 แล้ว และแม้จำนวนผู้ป่วยยังคงเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนฝีมือจีนไร้ซึ่งประสิทธิภาพ

“ไม่มีวัคซีนตัวใดที่สามารถป้องกันโรคโควิด-19 ได้เต็มร้อย ดังนั้นยังมีโอกาสที่จะตรวจพบผู้ป่วยหลังรับวัคซีนได้” รายงานอ้างอิงคำพูดของคณะผู้เชี่ยวชาญ “ตัวชี้วัดสำคัญของความสำเร็จคือการป้องกันการเสียชีวิตและจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่ใช่เป้าหมายที่จะทำให้ผู้ป่วยโรคโควิด-19 เป็นศูนย์”

ทั้งนี้ จีนมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 2 ตัว ที่ได้รับอนุมัติใช้งานกรณีฉุกเฉินโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แก่ ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) และซิโนแวค (Sinovac) โดยวัคซีนทั้งสองผลิตโดยไวรัสชนิดเชื้อตายเพื่อกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันในผู้ป่วย ซึ่งเป็นวิธีผลิตวัคซีนที่ผ่านการทดลองและทดสอบแล้ว

“ถ้าเราต้องการลดจำนวนผู้ป่วยอาการรุนแรงและผู้ป่วยเสียชีวิต วัคซีนของซิโนฟาร์มและซิโนแวคสามารถช่วยได้” รายงานอ้างคำพูดจินตงเยี่ยน ศาสตราจารย์ด้านไวรัสวิทยาระดับโมเลกุลจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง

“เราไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ด้วยการบอกว่าวัคซีนตัวนี้ดีหรือไม่ดี เนื่องจากวัคซีนที่มีอยู่ทั้งหมดช่วยลดความเสี่ยงอาการป่วยขั้นรุนแรงได้” เอ็นคัยฮัน ลัควาซูเร็น หัวหน้าฝ่ายดำเนินนโยบายสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุขมองโกเลียกล่าว

ทั้งนี้ เมื่อเดือนมิถุนายน กระทรวงการต่างประเทศของจีนประกาศว่าจีนจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มากกว่า 350 ล้านโดส ไปยังกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ขณะกลุ่มประเทศฝั่งตะวันตกกำลังกักตุนวัคซีนให้ประชากรของตนเอง

เนื้อหาข่าวและภาพโดยความร่วมมือกับสำนักข่าวซินหัว