posttoday

อังกฤษประกาศวันแห่งเสรีภาพปลดล็อกคุมโควิด แต่ติดเชื้อกลับพุ่ง

19 กรกฎาคม 2564

คิดถูกไหม? อังกฤษคลายล็อกดาวน์แม้ติดเชื้อหลายหมื่นต่อวัน ผู้เชี่ยวชาญเตือนอาจแตะหลักแสนต่อวัน

วันที่ 19 ก.ค. รัฐบาลอังกฤษประกาศคลายล็อกดาวน์และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเรียกว่าวันแห่งเสรีภาพ (Freedom day) แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแตะที่กว่า 40,000 รายต่อวัน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการผ่อนคลายมาตรการครั้งนี้อาจส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 200,000 รายต่อวัน

การผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ประชาชนสามารถพบปะกันได้โดยไม่จำกัดจำนวน สามารถกลับไปทำงานที่ทำงานได้ตามปกติ ยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและการบังคับสวมหน้ากากอนามัย ตลอดจนสถานบันเทิงและโรงภาพยนตร์สามารถกลับมาเปิดให้บริการ

รวมถึงประชาชนสามารถเดินทางไปยังประเทศในกลุ่มสีเหลือง (amber list) ซึ่งมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย และเดินทางกลับประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวหากฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว

แม้ว่าจะเสี่ยงต่อการมีผู้ติดเชื้อมากขึ้น แต่การวิจัยโดยสาธารณสุขอังกฤษและมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ชี้ว่าการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและอาการเจ็บป่วยรุนแรงรวมถึงการเสียชีวิตจากโควิด-19 ในอังกฤษนั้นลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงพีคก่อนหน้านี้ เนื่องจากการฉีดวัคซีนที่ดำเนินการอย่างรวดเร็วและครอบคลุม

โดยขณะนี้มีประชาชนที่อายุ 18 ปีขึ้นไปเกือบ 50 ล้านคนหรือคิดเป็น 88% ของวัยผู้ใหญ่ทั้งหมดได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส ขณะที่กว่า 35 ล้านคนหรือ 68% ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าให้ผู้ใหญ่ทุกคนได้รับวัคซีนครบโดส 100% ภายในเดือนก.ย.

ด้านนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน กล่าวว่านับเป็นความสำเร็จที่อังกฤษสามารถฉีดวัคซีนได้ในจำนวนนี้ภายในระยะเวลาเพียง 8 เดือน และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคครั้งนี้แม้อาจทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน แต่ตนเชื่อว่าดีกว่าผ่อนคลายในช่วงฤดูหนาวหรือช่วงอื่นๆ

พร้อมเน้นย้ำให้ประชาชนระมัดระวังและป้องกันตัวเอง รวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยในบางสถานการณ์แม้ว่าจะไม่มีข้อบังคับทางกฎหมายก็ตาม

แต่อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญบางคนเตือนว่าการผ่อนคลายข้อจำกัดครั้งใหญ่ไม่ควรดำเนินต่อไปท่ามกลางผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่ทั่วโลกกังวลอยู่ในขณะนี้

ดร.ชานด์ นาคปอล ประธานสมาคมการแพทย์แห่งอังกฤษ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า "มันเป็นการขาดความรับผิดชอบและเป็นอันตรายที่รัฐบาลตัดสินใจที่จะเดินหน้าแผนยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19"

ด้านโจนาธาน แอชเวิร์ธ โฆษกด้านสาธารณสุขของพรรคฝ่ายค้านกล่าวว่าการยกเลิกข้อกำหนดเรื่องหน้ากากอนามัยและคำแนะนำให้ทำงานจากที่บ้านนั้นเป็นความ "ประมาทเลินเล่อ" และเตือนถึง "วันแห่งความโกลาหล" ในเครือข่ายคมนาคมขนส่ง เนื่องจากผู้คนกลับไปทำงานหลังจากห่างไปหลายเดือน

"นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงความสำคัญของแนวทางการป้องกันโรคและเตือนให้ระมัดระวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ในความเป็นจริงรัฐบาลกำลังยกเลิกกฎระเบียบทั้งหมดในคราวเดียวซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงตามมา"

อย่างไรก็ตามรัฐบาลยืนยันว่าวัคซีนที่ใช้อยู่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ทั้งนี้ การฉีด Pfizer แสดงประสิทธิภาพในการป้องกันโรค 96% และ AstraZeneca 92% เมื่อฉีดวัคซีนครบโดส

Photo by Tolga Akmen / AFP