posttoday

ต่างชาติมองไทยและอาเซียนอาจยังไม่พร้อมเปิดประเทศ

23 กันยายน 2564

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าอัตราการฉีดวัคซีนในหลายพื้นที่ในอาเซียนยังไม่พร้อมสำหรับการเปิดประเทศ

CNN รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยระบุว่าไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนามกำลังละทิ้งนโยบาย "ปลอดโควิด" และเดินหน้าสู่มาตรการ "อยู่ร่วมกับโควิด" แทน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจเร็วเกินไปที่จะทำเช่นนั้น

รายงานชี้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงน่าเป็นห่วง โดยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมากในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมเนื่องจากโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ส่งผลให้หลายประเทศประกาศล็อกดาวน์และข้อจำกัดที่เข้มงวดเพื่อพยายามควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก

หลังผ่านจุดพีคของการแพร่ระบาดไปได้ไม่นาน และอัตราการฉีดวัคซีนในบางพื้นที่ยังคงต่ำ แต่รัฐบาลบางประเทศในภูมิภาครวมถึงไทยกำลังมองหาแนวทางในการเปิดประเทศอีกครั้งเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยว

โดยเวียดนามวางแผนที่จะเปิดเกาะฟูโกว๊กสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนหน้า แม้ว่าจะประชากรที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วเพียง 7% จากทั้งประเทศ

ด้านอินโดนีเซียซึ่งมีประชากรฉีดวัคซีนครบโดสแล้วกว่า 16% ก็ได้ผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ รวมถึงวางแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในบางพื้นที่รวมถึงเกาะบาหลีภายในเดือนตุลาคม

สำหรับมาเลเซียซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงสุดในภูมิภาคนี้ โดยมีประชากรกว่าครึ่งประเทศได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ได้เปิดเกาะลังกาวีอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่หลายรัฐได้เริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดสำหรับผู้ได้รับวัคซีน รวมถึงการรับประทานอาหารในร้านอาหารและการเดินทางระหว่างรัฐ

ประเทศไทยเองก็มีแนวโน้มว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวในบางพื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, ชลบุรี, เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

ทว่า ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งมองว่าหากอัตราการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงยังคงไม่มากพอก่อนที่หลายประเทศจะยกเลิกข้อจำกัด หรือผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค อาจทำให้ระบบสาธารณสุขในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าสู่สภาวะตึงตัวอย่างรวดเร็ว และมีความเสี่ยงมากกว่าชาติตะวันตกที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงกว่ามาก จึงทำให้อัตราการเสียชีวิตและการรักษาในโรงพยาบาลยังคงต่ำแม้จะเปิดประเทศแล้ว

นายอภิเษก ริมาล ผู้ประสานงานด้านสาธารณสุขฉุกเฉินระดับภูมิภาคของสหพันธ์กาชาดสากล กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าประเทศต่างๆ ควรรักษาอัตราผู้ติดเชื้อให้ไม่เกิน 5% เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเปิดประเทศ แต่ตัวเลขดังกล่าวในหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 20% ถึง 30%

พร้อมเสริมว่างค์การอนามัยโลกยังได้วางหลักเกณฑ์อื่นๆ สำหรับการเปิดประเทศเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ รวมถึงมีระบบสาธารณสุขที่สามารถตรวจคัดกรองและรองรับผู้ป่วยได้อย่างเพียงพอ แต่บางประเทศไม่เป็นไปตามมาตรฐานเหล่านี้ หมายความว่า มีความเป็นไปได้ที่ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

ในทางกลับกันผู้ประกอบการมองว่าการเปิดประเทศและฟื้นฟูการท่องเที่ยวเป็นทางออกเดียวของพวกเขา

นายจีน การิโต ผู้ประกอบการโรงเรียนสอนดำน้ำแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ตเผยว่า ขณะนี้บรรดาธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางต่างหมดหวังแล้ว ซึ่งเขาไม่แน่ใจว่าภาคการท่องเที่ยวของไทยจะอยู่รอดต่อไปได้นานแค่ไหน หากรัฐบาลไม่สามารถชดเชยความสูญเสียให้กับธุรกิจเหล่านี้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และหากยังไม่กลับมาเปิดการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ

Photo by Lillian SUWANRUMPHA / AFP