posttoday

กรณ์แนะจับตายุโรปหวั่นกระทบส่งออก

19 มิถุนายน 2555

"กรณ์" แนะจับตา​ยุโรปหลังเลือกตั้งกรีซ หวั่นกระทบส่งออกทั้งทางตรงทางอ้อม เตือนเร่งปรับสมดุลลดพึ่งพาส่งออกเป็นหลัก

"กรณ์"  แนะจับตา​ยุโรปหลังเลือกตั้งกรีซ หวั่นกระทบส่งออกทั้งทางตรงทางอ้อม เตือนเร่งปรับสมดุลลดพึ่งพาส่งออกเป็นหลัก

นายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรมว.คลัง กล่าวว่า หลัง​จากการเลือกตั้งกรีซต้องรอดูสถานการณ์โดยรวมว่าจะมีผลอย่างไรต่อการรวมตัวของกลุ่มประเทศ ยุโรปและจะกระทบต่อเศรษฐกิจของยุโรปอย่างไรต่อไป   ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกมาก  ดังนั้นหากกำลังซื้อจากประเทศในกลุ่มยุโรปลดลง ก็จะส่งผลต่อการค้าขายทั้งทางตรงกับยุโรป และ ทางอ้อมกับประเทศที่เป็นคู่ค้าของยุโรปอีกทอดหนึ่ง

กรณ์แนะจับตายุโรปหวั่นกระทบส่งออก

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การคลังของประเทศขณะนี้ ยังไม่ทำให้เกิดผลถึงขั้นวิกฤตต่อไทยในทันที ทั้งนี้  เพราะประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกกับประเทศยุโรปเพียง 1 ใน 10 เท่านั้น แต่ก็ยังต้องระวังผลกระทบทางอ้อม ซึ่งเรื่องนี้ก็จะเป็นประเด็นรุมเร้าของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งได้รับผลกระทบหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ถ้ามีปัญหาเรื่องอุปสงค์ที่ลดลงจากวิกฤตยุโรปก็จะยิ่งเป็นปัญหา

นายกรณ์ กล่าวว่า  จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นมาตรการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนจากรัฐบาล ซึ่งอยากให้รัฐบาลมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง มากกว่าปัญหาการเมืองน ทั้งนี้ แม้แต่ประเทศสหรัฐอเมริกาที่พิมพ์แบงก์เองได้ยังประสบวิกฤตได้ ขนาดประเทศยุโรปที่รวมตัวกันสิบกว่าประเทศยังประสบวิกฤติด้วย ​ดังนั้นประเทศไทยเป็นประเทศเล็กๆ พึ่งพาการส่งออก​ต้องหามาตรการดูแลป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา

นายกรณ์​กล่าวอีกว่า กรณีที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง ออกมาประเมินว่าจีดีพีปีนี้การส่งออกจะขยายตัว  15 % ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าจะขยายตัวเพียง 8 % นั้น แต่จะเห็นว่าที่ผ่านมา4 เดือนการส่งออกยังติดลบ  ดังนั้นตัวเลข 15% อาจจะเป็นการตั้งความหวังมากกว่าเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่แท้จริง  ซึ่งประเด็นขณะนี้ต้องปรับสมดุลการออกส่งให้มากขึ้น พัฒนาให้ระบบเศรษฐกิจมีภูมิคุ้มกัน

นอกจากนี้ จากการประเมินสถานการณ์แก้ปัญหาของ​นายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมายังไม่เห็นออกมาพูดถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมากนัก ปล่อยให้รัฐมนตรี 1-2 คนออกมาพูดถึงการดูแลเศรษฐกิจ ซึ่งไม่มีการกำหนดท่าทีทิศทางที่ชัดเจนจากผู้นำสูงสุดของประเทศ 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนายกิตติรัตน์ นั้น ที่มาเห็นความตั้งใจในหลายเรื่อง แต่การทำงานต้องทำงานร่วมกับกระทรวงต่างๆ ซึ่งต้องสอดคล้องกัน ​รวมทั้งต้องหารือกับภาคธุรกิจ เอกชน ไม่ใช่แค่การทุบโต๊ะสั่งเท่านั้น