posttoday

"ไทยเบฟฯ-เสริมสุข" 1 ปี 1+1 มากกว่า 2

27 กันยายน 2555

ครบ 1 ปีเต็ม หลังจากที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติก บริษัทในเครือไทยเบฟเวอเรจ ของเจ้าสัว “เจริญ สิริวัฒนภักดี” เข้าถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 64.66% และบริษัท เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ สัดส่วน 32.6% ในบริษัท เสริมสุข ไปเมื่อเดือน ก.ย.ในปีก่อน พร้อมเตรียมปิดฉากคู่สัญญากับเป๊ปซี่ โค ที่ทำตลาดร่วมกันมานานกว่า 40 ปีอย่างถาวรในเดือน พ.ย.ปีนี้

ครบ 1 ปีเต็ม หลังจากที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติก บริษัทในเครือไทยเบฟเวอเรจ ของเจ้าสัว “เจริญ สิริวัฒนภักดี” เข้าถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 64.66% และบริษัท เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ สัดส่วน 32.6% ในบริษัท เสริมสุข ไปเมื่อเดือน ก.ย.ในปีก่อน พร้อมเตรียมปิดฉากคู่สัญญากับเป๊ปซี่ โค ที่ทำตลาดร่วมกันมานานกว่า 40 ปีอย่างถาวรในเดือน พ.ย.ปีนี้

ขณะที่ก้าวใหม่ทางธุรกิจครั้งสำคัญในวันนี้ ระหว่างกลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ กับบริษัท เสริมสุข ที่ปรากฏชัดออกมาเป็นครั้งแรกในแง่การทำตลาด โดยผ่านบริษัท โออิชิ กรุ๊ป ธุรกิจในเครือไทยเบฟฯ ด้วยสินค้าเครื่องดื่มนวัตกรรมใหม่ชาเขียวพร้อมดื่ม ยี่ห้อ “โออิชิ” ในขวดแก้ว ขนาดบรรจุ 400 มล. วางราคาจำหน่าย 12 บาท ซึ่งเป็นการใช้จุดแข็งของเสริมสุข ในฐานะผู้ผลิตเครื่องดื่มบรรจุขวดแก้วรายใหญ่ ที่มีหน่วยรถขนส่งและกระจายสินค้ากว่า 1,200 คัน

แมทธิว กิจโอธาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์โออิชิ กล่าวว่า การขยายการทำตลาดชาเขียวพร้อมดื่มบรรจุขวดแก้วในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการขยายตลาดเครื่องดื่มไม่มีคาร์บอเนต หรือกลุ่มอัดก๊าซของบริษัท หลังจากเห็นโอกาสของตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในไทยที่เติบโตมากกว่า 38% ในช่วงที่ผ่านมา และในปีนี้คาดจะผลักดันให้ตลาดดังกล่าวมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท

สำหรับชาเขียวโออิชิบรรจุขวดแก้ว ยังเป็นอีกหนึ่งช่องว่างการทำตลาดที่น่าสนใจมาก จากปัจจุบันที่ยังไม่มีผู้เล่นรายใดที่มีศักยภาพมากพอที่จะเข้ามาในตลาดดังกล่าว ที่มีเครือข่ายช่องทางในการขายมากกว่า 2 แสนแห่งทั่วประเทศ ซึ่งการเข้ามาในตลาดนี้ ยังถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในวงการธุรกิจเครื่องดื่มด้วย คือ ความสัมพันธ์ของเสริมสุขและโออิชิ ที่เปลี่ยนมาเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายร่วมกันที่เป็นพลังของ 1+1 ที่เชื่อว่าจะต้องได้ผลลัพธ์ที่มากกว่า 2

“หลังจากที่ได้เสริมสุขเข้ามาเป็นพันธมิตร ซึ่งถือว่าเป็นเพอร์เฟกต์ พาร์ตเนอร์ ที่สอดคล้องกับแนวคิดกับโออิชิ ที่ใช้คำว่าเสริมพลังให้สุดโอ” แมทธิว กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทคาดในสิ้นปีจะมีรายได้รวมกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มเครื่องดื่ม 6,700 ล้านบาท กลุ่มอาหาร 5,300 ล้านบาท และสิ้นปีวางเป้ารายได้กว่า 1.2 หมื่นล้านบาท และภายใน 4 ปีหน้ามียอดขายรวมกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มเครื่องดื่ม 1.8 หมื่นล้านบาท และอาหารกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท

อนิรุทธิ์ มหธร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทใช้งบกว่า 200 ล้านบาท ในการทำตลาดผลิตภัณฑ์ชาเขียวโออิชิขวดแก้ว ที่วางตำแหน่งเป็น “น้ำพระเอก” พร้อมดึง 3 พระเอกแถวหน้า คือ “ณเดชน์หมากเคน” มาเป็นตัวแทนสินค้า หรือพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าดังกล่าวด้วย พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด “เจ๊” และ “ลูกค้า” ผ่านสโลแกนโออิชิ กรีนที ขวดแก้วกินกับอะไร ก็เข้ากั๊น... เข้ากัน” เริ่มออกอากาศวันแรกวันที่ 28 ก.ย.นี้

ด้าน ฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับแนวคิดบริษัทที่วางไว้ของเสริมสุข คือ “เติมสุขทุกโอกาส” ซึ่งความสำเร็จของประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวันนี้มาจาก “คน” ที่นำจุดแข็งด้านต่างๆ มาผนึกร่วมกัน ซึ่งบริษัทได้เริ่มวางจำหน่ายสินค้าใหม่ดังกล่าวไปตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา วางยอดขายชาเขียวโออิชิขวดแก้วในปีแรก หรือปี 2556 อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท จากปัจจุบันเสริมสุขมี 4 ขาธุรกิจ คือ 1.น้ำดื่มคริสตัล 2.เครื่องดื่มไม่อัดลม 3.ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม 4.ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลม

แหล่งข่าวจากในวงการเครื่องดื่ม เปิดเผยว่า นอกเหนือจากการที่บริษัท ไทยเบฟฯ ได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างเสริมสุขเข้ามาเติมเต็มในด้านโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้ว การขนส่งกระจายสินค้า และการเข้าถึงช่องทางขายใหม่ในร้านอาหารแล้ว ขณะเดียวกันในอนาคตหลังจากบริษัท เสริมสุข จบสัญญากับเป๊ปซี่ในประเทศแล้ว ก็จะเริ่มทำตลาดน้ำดำแบรนด์ใหม่ภายใต้ยี่ห้อ “เอส” (est) ได้ทันที ซึ่งถือว่าเข้ามาช่วยเติมเต็มในธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีคาร์บอเนตอีกขาหนึ่ง นอกจากนี้คาดว่าจะได้สินค้าเข้ามาเสริมในกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพื่อขึ้นเป็นผู้นำของตลาด

Thailand Web Stat