Stock Selection

โนฮาว : สวัสดีครับ

ปูกะตอย : สวัสดีจ้า

โนฮาว : ช่วงนี้ตลาดหุ้นกำลังวิ่งเป็นกระทิง ไม่คิดจะลงทุนซะหน่อยเหรอ

ปูกะตอย : ก็คิดอยู่นะ แต่ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะลงทุนแบบไหนดี

โนฮาว : เลือกลงทุนแบบ Stock Selection สิ

ปูกะตอย : เอ่อใช่ ว่าแต่ว่าดียังงัย

โนฮาว : หลักการของการคัดเลือกหุ้น หรือ Stock Selection เราต้องทำการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท เพื่อให้รู้ถึงผลประกอบการทั้งในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต รวมไปถึงความสามารถในการทำกำไร และอัตราการเจริญเติบโตของผลกำไรด้วย แต่แม้ว่าการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอาจจะช่วยให้รับรู้ได้ว่า บริษัทไหนบ้างที่เป็นบริษัทที่ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทที่ดีนั้นจะเป็นการลงทุนที่ดีไปด้วยเสมอไป

ปูกะตอย : อ้าว แล้วยังงัยอ่ะ

โนฮาว : คำตอบอยู่ที่บริษัทที่ดีอาจจะมีราคาหุ้นที่ซื้อขายสูงเกินไป ในขณะที่บริษัทที่มีผลประกอบการไม่ค่อยดีนักอาจจะมีราคาหุ้นที่ต่ำเกินไป หากเป็นแบบนี้การลงทุนในบริษัทแบบหลังอาจจะเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าก็ได้ ดังนั้นในการคัดเลือกหุ้นเราจะต้องตอบคำถามให้ได้ 2 ข้อเสียก่อน คือ ณ ขณะใดขณะหนึ่ง กลุ่มอุตสาหกรรมใดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ดี และในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ดีนั้น บริษัทไหนเป็นบริษัทที่ดีควรค่าแก่การลงทุน และหุ้นของบริษัทที่เราได้มาจากการตอบคำถามข้อแรก มีราคาที่เหมาะสมหรือไม่

ปูกะตอย : อย่างนี้นี่เอง

โนฮาว : อย่าลืมว่าในการคัดเลือกหุ้น คือ ความเข้าใจในธุรกิจและกลยุทธ์ของบริษัท และลักษณะของหุ้นบริษัทที่มีแตกต่างกันไป ขอย้ำว่า ประเภทของบริษัทนั้นจะต่างกับประเภทของหุ้น หุ้นของบริษัทที่ดีอาจจะมิใช่การลงทุนที่ดี ในทางกลับกัน หุ้นของบริษัทที่ไม่ค่อยดีอาจจะเป็นการลงทุนที่ดีกว่าก็ได้

ปูกะตอย : อ้อ

โนฮาว : Growth Company หมายถึงบริษัทที่ผู้บริหารมีความสามารถในการสรรหาโครงการลงทุนของบริษัท ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าผลตอบแทนที่ควรจะได้สำหรับความเสี่ยงของโครงการนั้นๆ ส่วน Growth Stock คือ หุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าหุ้นตัวอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงเท่ากัน ขณะที่ Defensive Company คือ บริษัทที่ผลประกอบการค่อนข้างจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจขาลง ส่วน Defensive Stock เป็นหุ้นที่มีการขึ้นลงของราคาน้อยกว่าการเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์ ส่วน Cyclical Company คือ บริษัทที่ผลประกอบการจะเป็นไปตามวงจรของธุรกิจ ในขณะที่ Cyclical Stock คือ หุ้นที่มีการขึ้นลงของราคามากกว่าการเคลื่อนไหวของตลาด ด้าน Speculative Companies เป็นบริษัทที่มีสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีศักยภาพในการสร้างผลกำไรที่สูงมากได้ ส่วน Speculative Stock คือ หุ้นที่มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะให้ผลตอบแทนที่ต่ำมากๆ หรือแม้ขาดทุน แต่ก็จะมีโอกาสเล็กน้อยเช่นกันที่จะให้ผลตอบแทนที่สูงมากๆ

ปูกะตอย : ว้าว งั้นขอตัวไปตัดสินใจขั้นสุดท้ายก่อนว่า จะลงทุนมั้ย ไปก่อนนะ บ๊าย บาย