posttoday

เงินบาทกับดอกเบี้ย สงครามผู้ว่ากับรองนายกฯ

17 พฤษภาคม 2556

ขณะนี้ภาคธุรกิจ ประชาชน กำลังสับสนวุ่นวายกับวาระเงินบาทแข็ง กับดอกเบี้ยต่ำ ของ 2 ท่านผู้นำด้านเศรษฐกิจการเงินของประเทศ

ขณะนี้ภาคธุรกิจ ประชาชน กำลังสับสนวุ่นวายกับวาระเงินบาทแข็ง กับดอกเบี้ยต่ำ ของ 2 ท่านผู้นำด้านเศรษฐกิจการเงินของประเทศ

ฝ่ายหนึ่งรักษาเสถียรภาพ และความมั่นคงด้านการเงิน อีกฝ่ายต้องการกระตุ้นก้าวกระโดดด้านเศรษฐกิจ โดยมีดัชนีเงินบาทกับดอกเบี้ยเป็นเดิมพัน

ถ้าจะถามว่า ประชาชน หรือประเทศชาติได้ประโยชน์อะไร ก็น่าจะลองสอบถามกลุ่มผู้เกี่ยวข้องดูทุกกลุ่ม มิใช่จะมีเสียงแค่ผู้ส่งออก และนักลงทุนด้านการเงินเท่านั้น คนธรรมดาจะไม่เข้าใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ว่าจะบวกหรือลบ

แต่ที่แน่ๆ ไม่ต้องการให้เศรษฐกิจการเงินของประเทศวิกฤตเหมือนปี 2540 ในอดีต หรือจะเป็นประเทศที่ย่ำแย่ เช่น กรีซ อิตาลี ที่มีหนี้จนต้องเปลื้องผ้าขายทุกอย่างในประเทศใช้หนี้

“เงิน” เดิมนักเศรษฐศาสตร์ ได้อธิบายว่า เป็นสื่อกลางการค้า ปัจจุบันไม่ใช่เสียแล้ว เพราะเงินก็เป็นสินค้าชนิดหนึ่ง ซื้อขายได้ ทำกำไรขาดทุนได้ จึงมีกลุ่มพ่อค้า นักธุรกิจที่ค้าเงินเป็นเดิมพัน ได้แก่ นักเล่นหุ้น ที่เรียกเพราะๆ ว่า นักลงทุน ที่กำไรจากการซื้อขายและเก็งกำไร

การเก็งกำไรนี่ถ้ามีมากเข้า ก็คือ โรคร้ายของเศรษฐกิจ เป็นมะเร็งร้ายที่ไม่มีใครอยากได้

“เงินบาทแข็ง” ฝ่ายคลังที่ต้องการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องการลดดอกเบี้ยนโยบาย ที่กู้ยืมระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กับสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นบรรทัดฐานที่จะไปกระทบดอกเบี้ยสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้นักธุรกิจ

ถ้าดอกเบี้ยนโยบายต่ำจะทำให้ดอกเบี้ยการค้าในประเทศต่ำลงด้วย ถ้าสูงก็จะสูงด้วย (สมมติฐานนี้ไม่จำเป็นเสมอไป ดูปี 2540 ดอกเบี้ยนโยบายสูงพอควร แต่ภาคธุรกิจไม่มีใครกู้ เพราะเกือบล้มละลายทั้งประเทศ)

ที่ต้องเขียนเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงิน เพราะภาคธุรกิจที่เป็นฐานของการพัฒนาประเทศ สาขาหนึ่งก็คือ อสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้าง เป็นธุรกิจทั้งปัจจัย 4 และสร้างประเทศ เช่น สร้างฐานของสาธารณูปโภคทั้งหลาย เราใช้เงินมาก ใช้เยอะ เป็นผู้ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย และเป็นตัวฉุดให้เศรษฐกิจการเงินทั้งประเทศพังมามากต่อมาก

ดูซับไพรม์ อเมริกากับสถาบันการเงินอเมริกา ลากมาพังแล้วทั้งระบบ จีนก็น่ากลัวด้วย เก็งกำไรอสังหาฯ มาแรงจนรัฐบาลจีนต้องทำทุกอย่างด้วยเครื่องมือการเงินให้ควบคุมได้

จะทำอย่างไรดี ต้องขอบคุณท่านนายกปู ที่ลงมาเป็นพี่เลี้ยงนั่งหัวโต๊ะช่วยสร้างความสมดุลระหว่างเสถียรภาพกับการเติบโต

แต่ไม่ควรลงมาตัดสินให้ 2 ทหารเอก และเสนาธิการ 2 ฝ่าย เจรจาบนโต๊ะบ่อยๆ อย่าใช้ระบบก่อการร้าย เช่น ภาคใต้ ที่ถล่มกันด้วยข้อมูลผ่านสื่อ และจะพบกันครึ่งทางได้ไหม อย่าถือเอาเป็นเอาตายกันเลย พ่อค้า ประชาชนไม่ชอบ ไม่เอาด้วยแน่

และดูเหมือนว่า ที่ท่านผู้ว่าการ ธปท. ที่ยึดมั่นด้วยกติกาดูแลดอกเบี้ยนโยบาย ลองหันมาดูดอกเบี้ย ก็น่าจะเป็นดอกเบี้ยการเมือง ที่ลดลงสักนิด ลดความรุ่มร้อนของนโยบายรัฐด้วยสักครึ่งหนึ่ง แล้วดูกันไปว่า หากท่าทางไม่ดี มีสิทธิจะเพิ่มได้ ทางคลังจะยอมไหม

ที่สำคัญท่านรองนายกฯ ก็ไม่ต้องใช้สื่อบีบบังคับท่านผู้ว่าการ ธปท. มีคนไม่ชอบเยอะ ฐานเสียงพรรครัฐบาลจะต่ำต้อยลงมาอีก เพราะจะเอาแต่ใจตัวเองมากไป การเติบโตของจีดีพีก็กำลังขึ้นจาก 5% เป็น 6% อยู่แล้วจะเอาอะไรกันอีก

ขอให้ประเทศไทยโชคดีครับ อย่าทะเลาะกันเลย