หนังสือลับสบน.แย้งรบ.กู้หนี้จำนำข้าว
เปิดหนังสือลับ "สบน."“กิตติรัตน์” ดันทุรัง กู้หนี้จำนำข้าว หากผิดกฎหมาย ใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
เปิดหนังสือลับ "สบน."“กิตติรัตน์” ดันทุรัง กู้หนี้จำนำข้าว หากผิดกฎหมาย ใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้ทำบันทึกข้อความ ด่วนที่สุด เลขที่ กค 0900/192 ถึงรองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เพื่อขอให้นำเรียนข้อสังเกตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต่อกรณีการค้ำประกันเงินกู้โครงการรับจำนำข้าวเปลือก (นาปี) ปีการผลิต 2556/2557
จากการตรวจสอบพบว่า ในช่วงท้ายบันทึกข้อความฉบับนี้ ระบุข้อความเห็นของ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะไว้ดังนี้
"...สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะพิจารณาข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ตลอดจนความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดรอบคอบแล้ว
เห็นว่า
2.1 โครงการรับจำนำข้าวเปลือก (นาปี) ปีการผลิต2556/2557 กรอบวงเงิน270,000 ล้านบาท คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินโครงการและให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดหาเงินทุนให้กับ ธ.ก.ส. เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการดังกล่าวก่อนที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรฯ และในส่วนของการค้ำประกันเงินกู้ของโครงการดังกล่าว คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติภายหลังจากที่ได้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
แต่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นว่า “โครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/2557 ได้ก่อให้เกิดหนี้ที่รัฐบาลมีหน้าที่ต้องชำระตามกฎหมาย โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติไว้แล้วก่อนมีการตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2556 ดังนั้น การที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2557 อนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนมอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสม และจำเป็น (ดูหนังสือเชิญชวนธนาคารประกอบท้ายเรื่อง) จึงเป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 เพื่อให้สามารถชำระหนี้ของรัฐบาลตามโครงการที่ได้รับอนุมัติก่อนการยุบสภาผู้แทนราษฎร จึงไม่ถือเป็นการกระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการหรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไปตามบทบัญญัติมาตรา 181(3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย” (ดูเอกสารฉบับเต็มประกอบท้ายเรื่อง)
2.2 การที่ กกต.มีความเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงการกู้ยืมเงินโดยการปรับลดวงเงินกู้และค้ำประกันหนี้ของรัฐวิสาหกิจบางแห่งลง และนำวงเงินกู้มาเพิ่มให้แก่ ธ.ก.ส. สำหรับนำมาใช้จ่ายในโครงการรับจำนำข้าวตามนโยบายของรัฐบาลนั้น อาจมีผลกระทบต่อความรับผิดชอบของคณะรัฐมนตรี หากมีการวินิจฉัยชี้ขาดโดยองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ต่อไปว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจเป็นการฝ่าฝืนหรือละเมิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญอันอาจมีผลทำให้เกิดความรับผิดชอบในทางกฎหมายและในทางการเมืองตามมาได้
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ จึงมีข้อสังเกตว่า การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2557 สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก (นาปี) ปีการผลิต2556/2557 ตามมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น อาจถูกวินิจฉัยชี้ขาดโดยองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ฯ ต่อไปได้ว่าการดำเนินการดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฯ มาตรา181(3) หรืออาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้
อย่างไรก็ตาม สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะตระหนักดีว่า กระทรวงการคลังมีภารกิจที่ต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 และวันที่ 21 มกราคม 2557 ภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้น จึงเห็นควรนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาทบทวน หรือสั่งการยืนยันให้ดำเนินการดังกล่าวต่อไป”