posttoday

"ชวา" ร้านของเล่นเด็กๆ ล้างหนี้10ล้าน

10 มิถุนายน 2558

นี่คืออีกตัวอย่างหนึ่งของนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่มีวิธีคิดและการทำธุรกิจที่แตกต่างออกไป แต่ด้วยเสน่ห์ของย่านสำเพ็ง ช่วยต่อชีวิตธุรกิจก้าวต่อไป

โดย...เบ็ญจวรรณ รัตนวิจิตร

“ชวา” ร้านขายของเล่นเด็กสุดฮิตจากญี่ปุ่น อย่างสควิชี่ (Squishy) หรือที่เด็กๆ เรียก สกุชชี่ รวมทั้งอุปกรณ์ตกแต่ง แบบ D.I.Y. ไม่น่าเชื่อเพียง 1 ปี ธุรกิจนี้จะล้างหนี้ให้กับนักธุรกิจรุ่นใหม่ ธัญญ์นภัส ธนอัครเศรษฐ์ เจ้าของร้านชวา ซอยวานิช 1 ย่านการค้าสำเพ็ง

ธัญญ์นภัส หรือ กิฟท์ มีแนวคิดเช่นเดียวกับคนรุ่นใหม่ยุคนี้ ที่พอจบการศึกษา อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เริ่มด้วยธุรกิจเสื้อผ้าย่านสยามสแควร์ ธุรกิจที่ทุกคนมองเหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย

“ตอนนั้นก็ลงทุนไป 2 แสน เห็นรุ่นพี่ขายก็อยากทำบ้าง แต่เราไม่เก่งด้านนี้ ไม่ชอบแต่งตัว และสู้กลุ่มดาราไม่ได้ จึงขาดทุนไปร่วม 4 ล้านบาท” ธัญญ์นภัส เล่าถึงธุรกิจแรกที่เริ่มทำ

หลังจากนั้น จึงมาต่อยอดธุรกิจที่บ้าน ซึ่งเป็นโรงงานพลาสติก แต่ทำอยู่ระยะหนึ่ง โดนคู่แข่งตีตลาด โดยเฉพาะสินค้าราคาถูกจากจีน ทำให้ติดลบเพิ่มขึ้น คราวนี้ร่วม 10 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2-3 ปี

ช่วงที่ประสบปัญหาธุรกิจตอนนั้น ป้า ซึ่งมีหน้าร้านอยู่สำเพ็ง จึงชวนกิฟท์ให้มาลองเปิดร้านขายของ ซึ่งตัวเองก็คุ้นเคยกับตลาดสำเพ็งมาตั้งแต่เด็กๆ ช่วงปิดเทอมก็มาช่วยป้าขายของตลอด พอจับธุรกิจของตัวเอง ก็เริ่มขายตั้งแต่เครื่องสำอาง สินค้าแฟชั่นต่างๆ อุปกรณ์ตกแต่งมือถือ จนมาถึง “สควิชี่” ของเล่นเด็กยอดนิยมในยุคนี้

“ตอนขายเครื่องสำอางก็ไม่ประสบความสำเร็จ สู้เจ้าเดิมไม่ได้ ลองเปลี่ยนมาเรื่อยๆ ทั้งอุปกรณ์เกี่ยวกับมือถือต่างๆ สินค้าของเล่นเด็ก ลูม แบนด์ จนมาถึงสควิชี่ ตุ๊กตาพวงกุญแจ ตุ๊กตาติดมือถือของญี่ปุ่น เป็นรูปขนมปัง คาแรกเตอร์การ์ตูนญี่ปุ่น”

\"ชวา\" ร้านของเล่นเด็กๆ  ล้างหนี้10ล้าน

ธัญญ์นภัส กล่าวว่า เจ้าสินค้าที่เรียกว่าสควิชี่นี้อยู่ในตลาดสำเพ็งมากว่า 10 ปีแล้ว แต่ก็มีปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเรื่อยๆ และกลับมานิยมมากเมื่อปีที่ผ่านมา ก็ไปศึกษา ค้นหาต้นตอสินค้าจากญี่ปุ่น และเลือกซื้อสินค้าแบบที่ไม่มีใครเหมือนมาจำหน่าย

ส่วนใหญ่สควิชี่ที่ขายที่สำเพ็งจะสั่งซื้อสินค้าจากจีน และทางร้านจะเลือกซื้อสินค้าจากฮ่องกง ไต้หวัน ซึ่งมีต้นทุนสูงกว่า แต่จะได้แบบที่แปลกใหม่ แม้จะกำไรน้อยกว่าเจ้าอื่น แต่สนองตอบความต้องการของลูกค้า ที่ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กประถม เกิดการพูดแบบปากต่อปาก ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ

และไม่น่าเชื่อว่า หลังจากขายสินค้าสควิชี่นี้มาประมาณ 9 เดือน เจ้าของร้านชวามีรายได้มากพอที่จะลบล้างหนี้ที่สะสมมาก่อนหน้านี้กว่า 10 ล้านบาทได้

ธัญญ์นภัส กล่าวว่า บางวันยอดขายในร้านสูงกว่า 2 แสนบาท เพราะเด็กๆ ที่มาซื้อส่วนใหญ่ที่บ้านมีฐานะ บางคนซื้อคนเดียวหลักแสนบาทก็มี นอกจากนี้ที่ร้านยังขายส่งให้กับร้านค้าอื่นๆ รวมทั้งมีการสั่งซื้อจากประเทศอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย รวมทั้งจากประเทศเพื่อนบ้านของไทย อาทิ ลาว และเวียดนาม เป็นต้น

นอกจากนี้ อุปกรณ์ตกแต่งมือถือ และอุปกรณ์ D.I.Y. สำหรับตกแต่งมือถือ กระเป๋า รวมไปถึงกิ๊บติดผม ก็ขายดีเช่นเดียวกัน โดยมีสัดส่วนยอดขายจากอุปกรณ์ตกแต่งเหล่านี้ 40% สควิชี่ 30% ที่เหลือเป็นของเล่นชนิดอื่นๆ เช่น ดินวิทยาศาสตร์ หรือที่เด็กๆ เรียกว่า สไลม์

สำหรับการทำตลาดที่สำเพ็ง ธัญญ์นภัส บอกว่า ไม่ยาก เพราะเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องโฆษณา สิ่งสำคัญ คือ การดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด อย่างกรณีการขายสควิชี่ ลูกค้าจะไม่สนใจเรื่องราคา แต่ต้องการการดูแลที่ดี การพูดดีๆ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ลูกค้าชื่นชอบ ติดใจ

“กิฟท์ คิดเสมอว่า เราต้องดูแลลูกค้าให้ดีๆ พูดให้ดี เหมือนพูดกับคนในครอบครัว น้องๆ นึกถึงใจเขา ใจเรา รู้ว่าเขาต้องการอะไร แค่นี้ลูกค้าก็ติดใจแล้ว ลูกค้าของกิฟท์มีตั้งแต่เด็กๆ ไปจนถึงคนวัย 40-50 ก็มี”

ถึงวันนี้ ร้านชวาเป็นที่รู้จักจากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมทั้งขยายช่องทางจำหน่ายผ่านเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และยังคงเสาะหาสินค้าแปลกใหม่ที่แตกต่าง มาสร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้าอยู่ตลอดเวลา

“กิฟท์ไม่ได้วางเป้าหมายในการทำธุรกิจตอนนี้ แต่คิดว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด และทำอย่างตั้งใจ เพราะเราอาจเคยล้มมาเยอะ ถึงวันหน้าจะล้มอีกก็ไม่เป็นไร แต่ขอทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ” ธัญญ์นภัส กล่าวทิ้งท้าย

นี่คืออีกตัวอย่างหนึ่งของนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่มีวิธีคิดและการทำธุรกิจที่แตกต่างออกไป แต่ด้วยเสน่ห์ของย่านสำเพ็ง ช่วยต่อชีวิตธุรกิจก้าวต่อไป