ลุ้นแผนกระตุ้นศก. ปลุกกำลังซื้อบ้านทางอ้อม
แม้ธุรกิจอสังหาฯ จะยังไม่ใช่เป้าหมายลำดับแรกๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
แม้ธุรกิจอสังหาฯ จะยังไม่ใช่เป้าหมายลำดับแรกๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากรัฐบาลได้คลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนแรกวงเงิน 1.36 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นมาตรการเร่งด่วนสำหรับใช้กระตุ้นกำลังซื้อในภูมิภาคเป็นด้านหลัก แต่หากยาชุดแรกได้ผล อสังหาฯ ก็ย่อมจะได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว และความเชื่อมั่นที่จะคืนกลับมา
สำหรับเม็ดเงิน 1.36 แสนล้านบาท จะถูกส่งตรงลงสู่ระบบ โดยหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี คาดหวังว่า จะเร่งรัดให้เม็ดเงินลงสู่ระบบ เพื่อให้เห็นผลได้ในระยะสั้นผ่าน 3 มาตรการหลัก ประกอบด้วย 1.การปล่อยเงินกู้ผ่านกองทุนหมู่บ้านวงเงิน 6 หมื่นล้านบาท
2.การเร่งรัดการใช้ในการพัฒนาด้านต่างๆ รวมถึงการจ้างงานในชุมชนระดับตำบลกว่า 7,000 ตำบล ตำบลละ 5 ล้านบาท วงเงินรวม 3.6 หมื่นล้านบาท และ 3.การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนของโครงการขนาดเล็กไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่มีเงินงบประมาณอยู่แล้ว 1.6 หมื่นล้านบาท และอีก 2.4 หมื่นล้านบาท จะเปิดให้ส่วนราชการของบประมาณเพิ่มเติมได้
ทั้ง 3 มาตรการจะต้องเร่งการเบิกจ่ายให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ เพื่อให้เกิดการหมุนรอบของเงิน (Multiplier effect) เร็วที่สุด ขณะเดียวกันก็ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า รวมทั้งมาตรการกระตุ้นก๊อก 2 ซึ่งเป็นมาตรการเพิ่มเติมในระยะต่อไปในอีก 3 เดือนข้างหน้า
“รัฐบาลเตรียมอัดฉีดงบประมาณ 1.36 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าจะส่งผลดีกับเศรษฐกิจ เนื่องจากเม็ดเงินที่ใส่ลงไปจะไปถึงหมู่บ้านทั่วประเทศกว่า 7.9 หมื่นแห่งโดยตรง ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวถูกกำหนดให้นำไปใช้เพื่อให้เกิดการสร้างอาชีพ สร้างงานใหม่ และเชื่อว่าภาคอสังหาฯ จะได้ประโยชน์ตามมาจากการที่ประชาชนระดับรากหญ้ามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นในอนาคต” เลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ให้ความเห็น
ขณะที่ เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า มาตรการต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้กระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ โดยตรง แต่ถ้ากระตุ้นให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ ภาคอสังหาฯ ก็จะดีขึ้น เพราะเป็นธุรกิจที่ล้อไปกับเศรษฐกิจ
สำหรับการแข่งขันในเวลานี้ผู้ประกอบการเกือบทุกรายต่างเร่งอัดโปรโมชั่นเพื่อระบายสต๊อกสินค้าพร้อมอยู่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม แต่โปรโมชั่นจะร้อนแรงเพียงใด ซึ่งเห็นว่าหลายรายใช้แคมเปญ 0% ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ยอดขายง่ายๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความไม่มั่นใจของคนซื้อ กับอีกส่วนหนึ่งคือมีความต้องการซื้ออยู่ แต่กู้ไม่ผ่าน สะท้อนได้จากยอดปฏิเสธสินเชื่อของแต่ละบริษัทล้วนเป็นเลขสองหลักทั้งสิ้น
“จากการทดลองให้ทีมขายโทรติดตามผลลูกค้าที่เคยเข้าเยี่ยมชมโครงการ พบว่า ลูกค้าประมาณ 50% ไม่สนใจจะซื้อเลย เพราะเริ่มไม่มั่นใจเรื่องรายได้ เศรษฐกิจ ส่วนอีก 50% ที่ยังสนใจจะซื้อครึ่งหนึ่งของกลุ่มที่สนใจมีภาระหนี้สูงมาก เหลืออีกประมาณ 25% ที่เป็นกลุ่มที่มีโอกาส ปัจจุบันก็เป็นกลุ่มที่มีทางเลือกมาก มีคู่แข่งให้เลือกเป็นร้อยโครงการ นี่คือสิ่งที่ยากในธุรกิจอสังหาฯ เวลานี้” เกษรา กล่าว
จากการสำรวจบรรยากาศการขายที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ส่วนใหญ่จะเร่งกระตุ้นกำลังซื้อในกลุ่มบ้าน-คอนโดพร้อมอยู่เป็นหลัก เช่น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) มีแคมเปญกระตุ้นยอดขาย ภายใต้ชื่อ Crazy 9 คอนโดติดรถไฟฟ้า 9 วัน ลด 9 เท่า และฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน สำหรับโครงการพร้อมเข้าอยู่
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จัดแคมเปญ 5 โครงการเรดดี้ทู มูฟ อิน อยู่ฟรี 1-2 ปี พร้อมฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน ฟรีเฟอร์นิเจอร์ ของแถมต่างๆ พร้อมด้วยข้อเสนอพิเศษด้านราคา บริษัท แสนสิริ ส่งแคมเปญ “แซ่บ เผ็ด ร้อน” กระตุ้นกำลังซื้อทั้งบ้านและคอนโดพร้อมอยู่ ด้วยข้อเสนอให้ทั้งเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบพร้อมอยู่ ราคาพิเศษ และฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน เป็นต้น
ผู้ประกอบการต่างคาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นชุดนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจและปลุกกำลังซื้อให้ฟื้นขึ้นมาได้ หลังจากที่ออกแรงกระตุ้นเองแล้วก็ยังไม่เป็นผล