ค่ายรถผวาศก.โลกป่วน เร่งปรับตัวลดความเสี่ยง
เศรษฐกิจโลกและในประเทศไทยที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมาและต่อเนื่องมาถึงในปีนี้แค่เริ่มต้นปีมาเพียงไม่กี่วันทั่วโลกก็ปั่นป่วนจากสถานการณ์ตลาดหุ้นและการลดค่าเงินหยวนของจีน
เศรษฐกิจโลกและในประเทศไทยที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาถึงในปีนี้แค่เริ่มต้นปีมาเพียงไม่กี่วันทั่วโลกก็ปั่นป่วนจากสถานการณ์ตลาดหุ้นและการลดค่าเงินหยวนของจีน
เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในหลายเหตุการณ์ที่สะท้อนถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และจะส่งผลกระทบในวงกว้างเนื่องด้วยจีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและในประเทศไทยก็คือ อุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเกิดอาการผันผวนและมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงไปอีกจากจีนที่กำลังประสบปัญหา แน่นอนว่าฐานการผลิตในประเทศไทยย่อมได้รับผลกระทบตามมาอย่างแน่นอน ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศไทยในปีนี้ แม้รัฐบาลได้ออกมาประกาศว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศปีนี้จะขยายตัวดีขึ้น แต่ก็ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ เนื่องจากกำลังซื้อในระดับกลาง-ล่างก็ยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างต้องมีการตั้งรับผลกระทบที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
เอช นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ กล่าวว่า ปัจจัยที่สำคัญที่สุดและต้องจับตาในปีนี้คือ สถานการณ์เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งมีผลกระทบในวงกว้าง รวมถึงการส่งออกของประเทศไทย
ทั้งนี้ เมื่อเศรษฐกิจโลกและการส่งออกที่อาจไม่สู้ดีนัก บริษัทจึงได้ปรับรูปแบบการส่งออกโดยการเน้นการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ที่มีปริมาณความต้องการใช้รถกระบะ ซึ่งปัจจุบันได้มีการส่งออกไปยังกว่า 110 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังได้นำศูนย์วิจัยและพัฒนารถบรรทุกจากประเทศญี่ปุ่นมาไว้ในประเทศไทย เพื่อรองรับการเปิดเออีซี รวมถึงการพิจารณาการส่งออกรถบรรทุกขนาดกลาง-ใหญ่จากประเทศไทยไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยมีตลาดใหญ่อยู่ที่ซาอุดิอาระเบีย ยุโรป ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง
ขณะที่ โมะริคาซุ ชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิมอเตอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย โดยเฉพาะสถานการณ์ในประเทศจีนและอีกหลายประเทศ ส่งผลให้ยอดส่งออกไปยังประเทศจีน และรัสเซีย มีภาวะชะลอตัวลง ขณะที่ในสหรัฐ และ เม็กซิโก ซึ่งเป็นตลาดใหม่ ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ขณะที่เศรษฐกิจโลกนั้นอาจจะดูไม่สดใสมากนักโดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์จีนและค่าเงินหยวนที่ผันผวนรุนแรงอาจมีผลต่อการส่งออกของทั้งโลก ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศไทยยังคงคาดการณ์ได้ยาก โดยตั้งความหวังว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและการสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) รวมถึงมาตรการการดูแลภาคการเกษตร จะเห็นผลในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกขึ้นเป็น 3.3-3.4 แสนคัน จากปีก่อน 3.1 แสนคัน จากการรับจ้างประกอบให้กับ เฟียต (Fiat) ที่มีตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ราว 2.5 หมื่นคัน/ปี
“เราอยากให้รัฐบาลสนับสนุนด้านการส่งออกตามนโยบายที่รัฐบาลมองเห็นในปีนี้ด้วยการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศไม่ให้มีความผันผวน” ชกคิ กล่าว
ด้าน ศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อสถานการณ์การส่งออกที่ต้องจับตามองคือ สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะประเทศตุรกีกับรัสเซีย หากมีความบานปลายจะส่งผลต่อการส่งออกไทยแน่นอน
วัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจัยที่น่าจับตามองสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2559 คือ การท่องเที่ยว การส่งออก และค่าเงินบาท ที่อาจยังคงมีความผันผวนเช่นเดียวกันกับปีก่อนอยู่
จากปัจจัยดังกล่าวบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีความเป็นห่วงผลกระทบที่จะเกิดจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศไทยที่ยังคงชะลอตัว จึงต้องเร่งปรับตัวตั้งรับต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้รอดพ้นจากผลกระทบให้ได้ในที่สุด