เคเอฟซีงัดกลยุทธ์รอบทิศป้องตำแหน่งผู้นำตลาด

โดย...จะเรียม สำรวจ

หากพูดถึงผู้นำในตลาดไก่ทอด เคเอฟซี ยังคงรั้งตำแหน่งผู้นำตลาดไว้ได้อย่าง เหนียวแน่น ด้วยการครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% และเพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาด ไก่ทอด เคเอฟซี ได้ออกมาประกาศแผนเชิงรุกรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขาใหม่ที่ปีนี้คาดการณ์ว่าจะเติบโตสองเท่าขึ้นไปจากปีที่ผ่านมา ซึ่งเปิดสาขาใหม่ไปที่ประมาณ 20 สาขา เนื่องจากปีนี้ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านเคเอฟซี มีแผนที่จะเปิดตัวพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่อย่างเป็นทางการในเดือน ส.ค.นี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ

ปัจจุบันบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) มีพันธมิตรที่ร่วมธุรกิจเปิดร้านเคเอฟซีอยู่แล้ว 1 ราย คือ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป ซึ่งการหาพันธมิตรรายใหม่เข้ามาเพิ่มเติมถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่ง และช่วยให้ร้านเคเอฟซีสามารถขยายสาขาได้รวดเร็วมากขึ้น

ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2558-พ.ค. 2559 ที่ผ่านมา เคเอฟซี ได้เปิดร้านใหม่ไปแล้วประมาณ 10 สาขา หรือจาก 550 สาขาเพิ่มเป็น 560 สาขา ซึ่งสาขาใหม่ที่เปิดให้บริการส่วนใหญ่เป็นร้านในรูปแบบไดรฟ์ทรู โดยการเดินหน้าขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องดังกล่าว ถือเป็นการเดินตามทางวิสัยทัศน์ที่เคยประกาศไว้ว่าปี 2020 หรือปี 2563 ว่าร้านเคเอฟซี ในประเทศไทยจะต้องมีจำนวนร้านที่เปิดให้บริการครบ 800 สาขา

นอกจากจะให้ความสำคัญในด้านของการขยายสาขาแล้ว เคเอฟซี ยังให้ความสำคัญในการสร้างแบรนด์ ด้วยการเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ด้วยดีเอ็นเอ "KFC Always Original" ภายใต้แนวคิด เป็นตัวจริง…เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งถือเป็นโกลบอลแคมเปญที่แต่ละประเทศทยอยประกาศออกมา

อัลฮูล ซัวฮาน รองประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด-เคเอฟซี บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกในรอบ 32 ปี ในการทำธุรกิจร้านเคเอฟซีในประเทศไทยที่มีการนำแก่นแท้ความเป็นตัวตนของ เคเอฟซีผ่านความเป็นออริจินัลของผู้พันแซนเดอร์ส ผู้ก่อตั้งเคเอฟซี ที่จะสื่อสารไปยังผู้บริโภคผ่านแบรนด์ดีเอ็นเอ คือ KFC Always Original เพื่อสร้างแรง บันดาลใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย

พร้อมกันนี้ ยังจะนำเสนอการสื่อสารแบรนด์และการตลาดผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งปีนี้ เคเอฟซี มีแผนที่จะใช้งบการตลาดผ่านช่องทางดังกล่าวคิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 30% เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเจนแซด ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ เคเอฟซี ต้องการจะเน้นเข้าไปทำตลาดมากขึ้น

ดังนั้น กลยุทธ์ที่จะนำมาใช้เพื่อให้เข้าถึงกลุ่ม เป้าหมายเจนแซด คือ การใช้กลยุทธ์มิวสิคแอนด์ป๊อป อาร์ตเป็นกลยุทธ์หลักในการทำตลาด เนื่องจากกลุ่ม เป้าหมายดังกล่าวจะเปิดรับดนตรีและศิลปะมากที่สุด

ซัวฮาน กล่าวต่อว่า ในด้านของแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดตัวสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเปิดตัวเมนูใหม่เข้ามาทำตลาด ซึ่งในแต่ละเดือนบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวเมนูใหม่เข้ามาทำตลาดประมาณ 2 เมนู เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภค

ขณะเดียวกันก็จะมุ่งเน้นการใช้กลยุทธ์ในด้านของเมนูอาหารที่คุ้มค่า คุ้มราคาเป็นกลยุทธ์หลักในการทาตลาด เพราะจากปัญหาเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซาอยู่ในขณะนี้ ผู้บริโภคต้องการเมนูที่คุ้มค่า คุ้มราคาที่จ่าย ซึ่งจากกลยุทธ์ทางการตลาดดังกล่าวทำให้ภาพรวมร้านเคเอฟซีในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตสูงเป็นตัวเลข 2 หลัก สวนกระแสภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดรวมร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด

ซัวฮาน กล่าวอีกว่า ภาพรวมตลาดอาหารฟาสต์ฟู้ดในปีนี้ยังคงมีการแข่งขันกันรุนแรง เช่นเดียวกับตลาด ไก่ทอด เนื่องจากปัจจุบันมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพิ่มเติม ซึ่งการมีจำนวนผู้เล่นเพิ่มขึ้น ดังกล่าว บริษัทไม่มีความกังวล เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดได้อีกมาก ซึ่งในส่วนของบริษัทมองทุกโอกาสที่จะเข้าไปขยายธุรกิจ หากมีทำเลไหนในแหล่งชุมชนที่มีศักยภาพบริษัท ก็พร้อมที่จะนำร้านเคเอฟซีเข้าไปเปิดให้บริการทันที

จากจำนวนผู้เล่นในตลาดไก่ทอดที่เพิ่มขึ้นน่าจะ เป็นเครื่องการันตีได้ว่า ตลาดไก่ทอดในประเทศไทยที่คิดเป็นอัตราส่วนมากถึง 80% ของร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งหมดในประเทศไทยยังมีโอกาสทางธุรกิจ เพราะปัจจุบันคนไทยชอบความสะดวกและรวดเร็ว