เหรียญที่ระลึก มูลค่าเหนือกาลเวลา

ชีวรัตน์ กิจนภาธนพงศ์

ปรากฏการณ์ประชาชนแห่จองเหรียญที่ระลึกในโอกาสการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เพียงวันแรกที่เปิดจองมีประชาชนกว่า 5 ล้านคน เข้าคิวที่จะจองล้นทะลัก ทำให้เหรียญที่ระลึก ประเภททองคำ เงิน และทองแดง หมดไปอย่างรวดเร็ว

แม้ว่ากรมธนารักษ์ได้ออกเหรียญที่ระลึกครั้งนี้มาเป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ เพราะคาดว่าประชาชนคนไทยทุกคนต้องการที่จะเก็บเหรียญนี้ เพื่อบูชา เพื่อเป็นความสิริมงคล และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 9

การออกเหรียญที่ระลึกครั้งนี้มี 4 ประเภท คือ 1.เหรียญที่ระลึกทองคำ ราคาเหรียญละ 5 หมื่นบาท มีจำนวน 99,999 เหรียญ 2.เหรียญที่ระลึกเงิน ราคาเหรียญละ 2,000 บาท มีจำนวน 399,999 เหรียญ 3.เหรียญที่ระลึกทองแดงรมดำพ่นทราย ราคาเหรียญละ 3,000 บาท มีจำนวน 39,999 เหรียญ และ 4.เหรียญที่ระลึกคิวโปรนิกเกิล ราคาเหรียญละ 100 บาท มีจำนวน 39,999,999 เหรียญ

ในแวดวงนักสะสมเหรียญการคาดการณ์ว่าราคาเหรียญที่ระลึกครั้งนี้ เหรียญประเภททอง เงิน และทองแดง จะมีการราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 50% เนื่องจากมีจำนวนจำกัด โดยเฉพาะประเภทเหรียญทองแดง ซึ่งมีการออกมาน้อยมาเพียง 39,999 เหรียญเท่านั้น

ปริมาณการผลิตเหรียญจำนวนจำกัด และการกำหนดสิทธิการจองซื้อได้คนละเหรียญ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม คนที่จองไม่ได้ยินยอมที่จะจ่ายเพิ่มขึ้น

ปุญณพัฒน์ สิรเรืองวาณิช เจ้าของร้านปาหนันจิวเวลลี่ ผู้ที่ปลุกกระแสการสะสมเหรียญ และประกาศรับซื้อเหรียญ 5 บาทพระเศียรเล็ก ปี พ.ศ. 2525 ที่หายากอันดับ 1 ราคาไม่ต่ำกว่า 4 แสนบาท และเหรียญ 2 บาท หายาก ซึ่งผลิตขึ้นในปี 2526 เชื่อว่าเป็นเหรียญที่ลองตีหลุดออกมา ซึ่งไม่ทราบว่ามีจำนวนกี่เหรียญ คาดว่าราคาอาจทะลุถึงหลักล้านบาท

ปุญณพัฒน์ เล่าว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เกิดกระแสการสะสมเหรียญที่ระลึกของรัชกาลที่ 9 จำนวนมาก ทั้งผู้ที่ต้องการสะสมจริงๆ และกลุ่มผู้สะสมหน้าใหม่ๆ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่เริ่มจะหาเก็บเหรียญรัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นที่ระลึก ทุกๆ เหรียญของรัชกาลที่ 9 มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทุกเหรียญ โดยเฉพาะไม่ต่ำกว่า 50% บางเหรียญก็ราคาก็เพิ่มเขึ้น 5 เท่าตัวก็มี

ในตลาดสะสมเหรียญจะมีหลัก คือ เหรียญที่ระลึกทั่วไป เหรียญหายาก เช่น เหรียญรุ่นเก่า เลิกใช้ไปแล้ว และเหรียญที่ผิดลักษณะปกติ

ส่วนเหรียญที่ระลึกทั่วไป ก็จะมีการเก็บแล้วแต่นักสะสมจะชอบ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญที่ระลึกที่ครบรอบของแต่ละหน่วยงานราชการต่างๆ หรือวาระต่างๆ ทั่วไป

แต่ส่วนใหญ่ที่นักสะสมชอบและราคาดี ก็เป็นเหรียญที่ครบรอบงานพระราชพิธีที่สำคัญๆ เช่น เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติเหรียญ และพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก เป็นต้น

ปัจจุบันตลาดสะสมเหรียญคึกคักเพิ่มมากขึ้น มีทั้งผู้ซื้อและผู้ขายหน้าใหม่ๆ มีการแข่งขันกันสูง ขึ้น อยู่กับว่าเราสามารถหาเหรียญที่เป็นที่กระแสนิยมในตลาดได้หรือไม่ และต้องมีสภาพที่ยังดี ไม่ชำรุดเสียหาย ลายเหรียญยังคงคมชัด

"จะเห็นได้ว่ามีการขายเหรียญผ่านเว็บออนไลน์เยอะมาก บางคนก็โดนหลอก สั่งซื้อแล้วไม่ได้ของ หรือไม่ได้เหรียญตามลักษณะที่โพสต์ไว้ก็มี และปัจจุบันก็มีเหรียญปลอมเยอะมาก ปลอมเกรดเอ คนที่ไม่มีความชำนาญก็จะถูกหลอกได้" ปุญณพัฒน์ กล่าว

ถามถึงการซื้อขายใบจองเหรียญนั้น ปุญณพัฒน์ บอกว่า ผมไม่ซื้อ ขนาดเหรียญยังปลอมก๊อปเกรดเอได้ ใบจองปลอมง่ายกว่า ก็ยิ่งน่ากลัวกว่า ถ้าจะซื้อขายเอาเหรียญมาดูกันเลยดีกว่า ราคาสูงกว่าหน้าเหรียญ บวกค่าเสียเวลาการจองและกำไรบ้างก็ดีกว่า ราคาเพิ่มอย่างน้อย 20%

ปัจจุบันการจองเหรียญจะมีการจำกัดสิทธิจองได้ไม่เกินตามที่กำหนด จึงทำให้ของหายากขึ้น แต่บางคนอาจจะใช้วิธีการใช้สิทธิลูกน้องไปจองสิทธิ เมื่อก่อนมีเงินก็ไปจองซื้อมาขาย

การลงทุนจะไปซื้อเหรียญที่ระลึกมาขายต่อจะต้องใช้เงินทุนมาก ส่วนราคาตั้งขายแต่ละเหรียญนั้นขึ้นอยู่ความหายากง่ายของเหรียญ และความพอใจของผู้ซื้อมากกว่า ว่าจะยอมจ่ายเท่าไร นอกจากนี้ยังขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ และกระแสความนิยมด้วย จะเป็นตัวผลักให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นได้

เหรียญที่ระลึกที่จะลงทุนนั้น ควรจะต้องเป็นเหรียญที่เป็นจำนวนจำกัด ยกตัวอย่างเหรียญที่น่าสะสมจะเป็นเหรียญที่ระลึกที่เป็นทองคำเพราะมูลค่าทองคำก็มีมูลค่าราคาในตัวอยู่แล้ว ยิ่งมีจำนวนการผลิตน้อยก็ยิ่งทำให้ราคาสูงขึ้น

เหรียญที่ระลึกทุกเหรียญมีมูลค่าหน้าเหรียญ ไม่เคยที่จะขายที่จะได้ต่ำกว่าราคาหน้าเหรียญ หรือขาดทุน

ถ้าเราเป็นคนจองคนแรกได้ราคาที่กรมธนารักษ์กำหนด แต่ถ้าไม่ใช่ในระหว่างทางราคาก็จะขึ้นตามกาลเวลา สะสมไว้ราคามีแต่เพิ่มขึ้น

เพราะปัจจุบันจะมีนักสะสมหน้าใหม่ๆ เข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ตอนเด็กไม่มีกำลังทรัพย์ พอโตขึ้นมีงานมีรายได้ ยิ่งเศรษฐีมีเงินเหลือมากกลุ่มนี้จะทุ่มไม่อั้นที่จะมาไล่เก็บของสะสมให้รอบคอลเลกชั่น มีเงินแต่บางที่ก็หาของไม่ได้เหมือนกัน

อีกทั้งมีกลุ่มที่ตั้งใจจะสะสมอย่างเดียวไม่คิดที่จะเอามาขาย ยิ่งทำให้เหรียญหายากขึ้นด้วย และราคาก็แพงขึ้น

คำแนะนำสำหรับมือใหม่นักสะสมเหรียญ สิ่งแรกและเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต้องศึกษาอ่านข้อมูลมากๆ เรียนรู้จากประสบการณ์ผู้ที่อยู่ในแวดวงสะสมเหรียญ ติดตามตลาดเหรียญตอนนี้นิยมอะไร ราคาเท่าไร ถ้าพอใจก็สามารถที่จะขายทำกำไร และควรไปดูงานนิทรรรศการหรือการประมูลเหรียญที่ระลึก

สมชาย แสงเงิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮอบบี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เซียนใหญ่นักสะสมธนาบัตร อันดับต้นของเมืองไทย และเป็นผู้เขียนหนังสือคู่มือธนบัตรไทยฉบับ ให้ความรู้ว่า ปกติราคาของสะสมจะขึ้นเป็นรอบๆ ทุก 10 ปี เช่น รอบปี 2529 รอบปี 2539 รอบปี 2549 รอบปี 2559 เป็นต้น ซึ่งราคาจะเพิ่มขึ้นรอบละ 1 เท่าตัว

สำรวจตลาดเหรียญที่ระลึก

เหรียญที่ระลึกรุ่นที่ตลาดนิยม 900 บาท เงินขัดเงา UNDP รางวัลแห่งความสำเร็จ ราคาเปิดให้แลก 1,600-1,800 บาท ราคาขายประมาณ 2,400-2,600 บาท ตลาดทั่วไปขยับขึ้นมาอยู่ระหว่าง 3,000-4,000 บาท

เหรียญที่ระลึก 800 บาท เงิน (ขัดเงา) รางวัลนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม ราคาตลาดปัจจุบันจำหน่ายกันอยู่ประมาณ 2,000 บาท

ส่วนเหรียญที่ระลึกที่หน้าเหรียญราคา 10-20 บาท ที่จัดเป็นชุด ชุดละ 5 เหรียญนั้น ราคาตลาดอยู่ระหว่าง 300-400 บาท เหลือราคาเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า แต่ก็ยังเป็นราคาที่พอนักสะสมมือใหม่รับได้

ส่วนเหรียญที่ราคาปรับตัวสูงมาก เป็นที่ต้องการมากและหายากมาก ไม่ใช่ว่ามีเงินจะซื้อได้ คือ เหรียญครองราชย์ครบ 25 ปี หรือที่เรียกกันว่า รัชดาภิเษก เนื้อทองคำ ออกเมื่อ พ.ศ. 2518 ราคาหน้าเหรียญเท่ากับราคาของเหรียญ (ใกล้เคียงกับราคาทองคำขณะนั้น) มี 2 แบบราคา 400 บาท และ 800 บาท ก็มีการขายราคาคู่ละ 6 หมื่นบาท ก็ไม่มีใครจะเอามาขายกัน

การสะสมเหรียญที่ระลึก รัชกาลที่ 9 ไม่เพียงจะเก็บไว้เป็นระลึกเป็นของทรงคุณค่าทางจิตใจคนไทยเท่านั้น ยังมองเป็นโอกาสการเข้ามา "ลงทุน" เพราะนอกจากราคาจะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต ยังสอดแทรกความเป็นเอกลักษณ์ และบันทึกความทรงจำไว้ในประวัติศาสตร์ด้วย