posttoday

‘พ่อคือไอดอล’ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี

05 พฤศจิกายน 2560

"เจ้านิว" พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี เจ้าของสถิติกองกลางตัวรับคนไทย สังกัดพัทยา ยูไนเต็ด

โดย กษม จักรเครือ

"เจ้านิว" พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี เจ้าของสถิติกองกลางตัวรับคนไทย สังกัดพัทยา ยูไนเต็ด ยิงประตูมากที่สุดในฤดูกาลนี้ ชื่อนี้อาจไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไร แต่มิดฟิลด์รายนี้เคยติดทีมชาติไทยชุดใหญ่มาแล้ว คือ ชุดคิงส์คัพและเป็นส่วนหนึ่งของทีมในการคว้าแชมป์มาครองเป็นสมัยที่ 15 อีกต่างหาก

พีรดนย์เริ่มเล่นฟุตบอลจริงๆ จังๆ สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ โดยเฉพาะฟุตบอลจตุรมิตรค่อนข้าง โดดเด่นทีเดียว ได้ลงสนามเป็นตัวจริงตลอด สมัยเด็กชอบตามคุณพ่อประภาส ฉ่ำรัศมี อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติไทย ไปสนามฟุตบอลเป็นประจำ ทำให้ชื่นชอบในกีฬาฟุตบอลอย่างไม่ได้ตั้งใจ

"ผมมีคุณพ่อเป็นแรงบันดาลใจ แต่ก็เปรียบเสมือนดาบสองคมในแง่ความกดดัน เมื่อหลายต่อหลายครั้งเขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับคุณพ่อ ที่สำคัญยังถูกสบประมาทว่าเป็นเด็กเส้นอยู่ตลอดเวลา"

"ผมไม่ชอบ ใครมาหาว่าผมเด็กเส้น ผมเล่นฟุตบอลด้วยตัวเอง แน่นอนคุณพ่อคอยชี้แนะ แต่พ่อไม่เคยไปฝากใคร แล้วพ่อ ก็บอกโค้ชทุกคนในประเทศด้วยว่าไม่ต้องเกรงใจ หากจะรับเข้าร่วมทีมก็อย่าได้เกรงใจ หรือรับไว้เพราะเพียงเกรงใจคุณพ่อ" เจ้านิวเริ่มเล่า

ล่าสุด พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ถูกเรียกมาติดทีมชาติไทย ตั้งแต่นัดแรกที่ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือชาว เซอร์เบีย เข้ามาคุมทัพ ในเกมที่ทีมชาติไทยอุ่นเครื่องกับทีมชาติอุซเบกิสถาน และแพ้ 0-2 หลังจากนั้นก็ติดทีมชาติไทยในยุคของ "มิโลวาน ราเยวัช" กุนซือคนปัจจุบันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นศึกฟุตบอลโลก 2018 หรือชุดที่คว้าแชมป์คิงส์คัพที่ผ่านมา เขาเป็นนักเตะที่โดนกดดันและวิจารณ์อย่างหนัก แต่วันนี้เขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นเพราะฝีเท้าของเขาเองที่ทำให้เขาก้าวมาสู่ทีมชาติไทย

"มีชื่อติดทีมชาติไทยถือเป็นความฝันอันสูงสุดของผม และการเล่นฟุตบอลผมมีคุณพ่อเป็นแรงบันดาลใจ ผมพยายามฝ่าฟันอุปสรรคและความกดดันมาโดยตลอด ต้องขอบคุณครอบครัวที่ให้กำลังใจและอยู่เคียงข้างกัน วันนี้ผมก็ภูมิใจมากครับที่มีโอกาสได้ติดทีมชาติไทยเหมือนคุณพ่อ และสัมผัสกับแชมป์คิงส์คัพแบบคุณพ่อ และผมจะพัฒนาฝีเท้าเรื่อยๆ เพื่อที่จะทำให้ทีมชาติไทยพัฒนาให้ทัดเทียมกับญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ อยู่ในระดับหัวแถวของเอเชียให้ได้ แม้จะต้องใช้เวลาก็ตาม"

นอกจากนี้ มิดฟิลด์วัย 24 ปี เผยไม่ง่ายที่จะมาถึงวันนี้ต้องซ้อมหนักกว่าคนอื่น และต้องพัฒนาฝีเท้าตลอดเวลา เพราะเป็นลูกนักฟุตบอล ทำให้ต้องแบกความคาดหวังตลอดเวลา

"หากเราลงไปเล่น แล้วทำไม่ดี ไม่เต็มที่ นอกจากเขาจะดูถูกว่าผม เขายังว่าพ่อด้วย เป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้ ผมเคยได้ยินคนพูดว่า 'เนี่ยนะเหรอลูกนักฟุตบอล เล่นได้แค่นี้เอง พ่อเก่งกว่าตั้งเยอะ' ประโยคนี้มันก้องในหู มันทำให้เป็นเหมือนแรงขับเคลื่อน ต้องพยายามให้มาก ไม่อยากให้พ่อเสียชื่อเสียงด้วย เพราะพ่อผมเก่งจริงๆ ผมก็ต้องเก่งให้ได้เหมือนพ่อ"

ตอนนี้ทีมชาติไทยเป็นระบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฝึกซ้อม หรือระบบบริหารจัดการ เชื่อว่าในอนาคต ทีมฟุตบอลชาติไทยจะขึ้นมาอยู่ในลำดับต้นๆ ของเอเชียได้

"ผมว่าฟุตบอลไทยสมัยนี้พัฒนาไปมากโดยเฉพาะไทยลีก มีนักเตะต่างชาติฝีเท้าดีๆ มาเล่นในบ้านเราส่วน ในแง่ของคนดูก็ได้รับความนิยม พ่อเคยบอกผมโชคดีที่เกิดสมัยนี้ เพราะมีวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วย ไม่เหมือนสมัยพ่อต้องดูแลเอง เบี้ยซ้อมก็น้อย เงินเดือนก็น้อย สมัยนี้ฟุตบอลสามารถเลี้ยงชีพได้"

มิดฟิลด์ช้างศึกมีคุณพ่อเป็นแรงบันดาลใจ ส่วนนักฟุตบอลเมืองนอกเขาชื่นชอบ "เจ้าชายหมาป่า" ฟรานเชสโก้ ต็อตติ มิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลี ของโรมา ซึ่งเพิ่งแขวนสตั๊ดไปไม่นาน

"รู้สึกใจหายเมื่อรู้ว่าต็อตติเลิกเล่นฟุตบอล เขาเป็นไอดอลลูกหนังที่ผมติดตามมาตั้งแต่เด็กๆ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผมมาโดยตลอด ลึกๆ แล้วผมอยากเห็นเขาเล่นต่ออีกสักปี แต่ผมก็เข้าใจว่าฟุตบอลย่อมมีอายุในตัวมัน และตอนนี้เขาก็อายุ 40 ปีแล้ว ผมยังติดตามข่าวของ ต็อตติ อยู่เสมอ และพอได้ยินมาว่าบอร์ดสโมสรจะมอบสัญญาให้เขาได้คุมทีมเยาวชน ส่วนตัวผมถ้ามีโอกาสสักครั้งในชีวิต ผมอยากเจอกับต็อตติ และบอกเล่าความรู้สึกเหล่านี้เหมือนกัน แม้เขาจะไม่รู้จักผมก็ตาม ต็อตติเป็นนักฟุตบอลที่พิเศษ เขามีทัศนคติที่ดีเยี่ยม อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เคยเห็นแก่ตัว เล่นเพื่อทีม สู้เพื่อทีมเสมอ จึงไม่แปลกที่ทุกคนจะรักเขา"

อนาคตมิดฟิลด์วัยเบญจเพสตั้งเป้าว่าอยากเล่นฟุตบอลไปอีก 10 ปี หากมีโอกาสอยากไปค้าแข้งต่างประเทศเหมือนกัน เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ

"ผมคิดว่าจะพัฒนาฝีเท้าให้ได้มากกว่านี้ เพื่อหาโอกาสไปค้าแข้งยังต่างประเทศ มันน่าจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมในอาชีพนักฟุตบอล ผมว่าผมสามารถเล่นฟุตบอลได้อีก 10 ปี ถ้าเราดูแลร่างกายดีอยู่ในระเบียบวินัย"

สำหรับความมุ่งมั่นและความพยายามต้องยกนิ้วให้กับหนุ่มวัย 25 ปีรายนี้ ผู้ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค เอาเสียงครหาแปรเปลี่ยนเป็นพลังในการต่อสู้ สมกับเป็นลูกผู้ชายตัวจริง และเป็นแบบฉบับของวัยรุ่นยุคใหม่อย่างแท้จริง

ต้องดูกันว่า พีรดนย์ จะก้าวขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่แบบถาวรได้หรือไม่ เวลาเท่านั้นจะเป็นผู้ให้คำตอบ