115 ปี 'กู๊ดวิลล์' มอบโอกาสสู่คนนับล้าน
ในปัจจุบัน กิจการเพื่อสังคมเกิดขึ้นมากมายในสหรัฐ
โดย พรบวร จิรภัทร์วงศ์
ในปัจจุบัน กิจการเพื่อสังคมเกิดขึ้นมากมายในสหรัฐ จากความหวังว่าจะแก้ไขปัญหาสังคมด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสภาพแวดล้อมหรือแม้กระทั่งปัญหาเศษอาหารเหลือทิ้ง แต่หากเอ่ยถึงกิจการเพื่อสังคมที่มุ่งแก้ไขปัญหาการว่างงานในบรรดาบุคคลด้อยโอกาสแล้ว คงมีองค์กรไม่มากนักที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเปลี่ยนแปลงสังคมได้มากเท่า “กู๊ดวิลล์ อินดัสทรี่ อินเตอร์เนชั่นแนล” หรือ “กู๊ดวิลล์” (Goodwill)
เพราะแค่ในปี 2016 กู๊ดวิลล์จัดหางานให้แก่ชาวอเมริกันมากถึง 3.1 แสนราย โดยในจำนวนดังกล่าวประกอบไปด้วย ผู้พิการ ทหารผ่านศึกผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่หางานทำได้ยาก อีกทั้งยังจัดการอบรมหลักสูตรการหางานและคอร์สภาษาอังกฤษให้แก่คนจำนวนกว่า 2 ล้านราย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
องค์กรแห่งนี้ถือกำเนิดเมื่อปี 1902 โดยบาทหลวง เอดการ์ เฮมส์ ที่มีความต้องการจะบรรเทาความยากจนและช่วยเหลือสังคมส่วนรวม หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นบาทหลวงของโบสถ์แห่งหนึ่งในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งของเมืองบอสตันในสหรัฐและได้พบผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่ไม่มีเสื้อผ้าหรือแม้แต่อาหารจะประทังชีวิต
ด้วยเหตุนี้ เฮมส์และเพื่อนในคณะสงฆ์จึงเริ่มเก็บสิ่งของหรือเสื้อผ้าชำรุดที่ถูกทิ้งจากผู้ที่มีฐานะ และจ้างคนยากจนในบริเวณดังกล่าวซ่อมแซมเพื่อนำไปจำหน่ายต่อหรือบริจาคให้แก่ผู้ขัดสนคนอื่น
“กู๊ดวิลล์ตั้งตนเป็นองค์กรที่ดำเนินงานแบบบริษัทอุตสาหกรรม แต่ก็ยังเป็นกิจการเพื่อสังคมที่ตอบแทนสังคมด้วยการจ้างงานและการฝึกอบรมงานสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าทำงานได้ รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือสำหรับผู้ที่ขัดสน” เฮมส์ให้คำนิยามองค์กรนี้ไว้
องค์กรดังกล่าวเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้น เฮมส์ได้เดินทางไปทั่วสหรัฐเพื่อเผยแพร่ความเคลื่อนไหวเพื่อสังคมของเขาและคำขวัญขององค์กร ที่เขาตั้งขึ้นว่า “ไม่ใช่การกุศล แต่เป็นการให้โอกาส”
แนวคิดของเฮมส์เริ่มแพร่หลายไปในรัฐต่างๆ มากขึ้น โดยต่อมาเริ่มมีการก่อตั้งร้านค้าของกู๊ดวิลล์ขึ้น เพื่อนำสิ่งของที่ได้รับการบริจาคหรือสิ่งของชำรุดที่ผ่านการซ่อมแซมแล้ว มาจำหน่ายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายขององค์กร ในขณะที่รัฐบาลสหรัฐเองก็เริ่มให้ความสนใจ จึงมีการมอบเงินสนับสนุนทุกๆ ปี
ตราบจนทุกวันนี้ องค์กรกู๊ดวิลล์เติบโตขึ้นจนมีหน้าร้านมากกว่า 3,200 แห่ง และมีสาขาทั้งหมด 163 สาขาทั่วสหรัฐและแคนาดา โดยในปี 2016 กู๊ดวิลล์ทำผลประกอบการได้ถึง 5,710 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.8 แสนล้านบาท)ภายใต้ เจมส์ กิบบอนส์ ที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) คนปัจจุบันขององค์กรกู๊ดวิลล์
กู๊ดวิลล์ในแต่ละสาขาจะมีบอร์ดบริหารแยกออกมา ส่งผลให้บางสาขาดำเนินธุรกิจตามโมเดลกิจการเพื่อสังคม แต่บางสาขาพึ่งพาเงินบริจาค โดยกิบบอนส์ ระบุว่า ให้อิสระกู๊ดวิลล์ในแต่ละสาขาพิจารณาโครงการช่วยเหลือการจ้างงานภายในชุมชนของตนเอง เพราะเชื่อว่า คนในพื้นที่จะสามารถเลือกโครงการที่เหมาะสมและให้ประโยชน์สูงสุดแก่ชุมชนของตนได้มากกว่า
ก้าวสู่ยุคใหม่
เมื่อปี 1999 กู๊ดวิลล์เริ่มขยับจากองค์กรที่มีเพียงหน้าร้าน ไปมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าบริจาคผ่านทางเว็บไซต์มากขึ้น โดยการก่อตั้งเว็บไซต์ shopgoodwill.com
เว็บไซต์ดังกล่าวซึ่งถูกก่อตั้งโดยกู๊ดวิลล์สาขาออเรนจ์ เคาน์ตี้ เป็นแหล่งประมูลสิ่งของที่ได้รับบริจาคและนำรายได้ 90% จากยอดการประมูลทั้งหมดสนับสนุนโครงการช่วยหางานของสาขานี้ โดยตั้งแต่เปิดตัวเว็บไซต์สามารถจำหน่ายสินค้าได้มากกว่า 20 ล้านชิ้น และทำยอดขายได้ราว 516 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.7 หมื่นล้านบาท)
เว็บไซต์ดังกล่าวเติบโตขึ้นต่อเนื่องจนทำอันดับเป็นเว็บประมูลสินค้าใหญ่อันดับ 2 รองลงมาจากเว็บไซต์ ebay.com โดยได้รับแรงหนุนจากองค์กรกู๊ดวิลล์ 160 สาขา จาก 163 สาขาทั่วสหรัฐและแคนาดา ที่ร่วมนำสินค้าที่ได้รับบริจาคจากการวางจำหน่ายภายในเว็บไซต์ดังกล่าว ภายใต้เงื่อนไขว่ากู๊ดวิลล์สาขาออเรนจ์ เคาน์ตี้ จะคิดค่าธรรมเนียมสาขาอื่นๆ 2-2.5% ของยอดขายสินค้า
ขณะเดียวกัน แฟรงค์ ทาลาริโค ซีอีโอของกู๊ดวิลล์ในเขตออเรนจ์ เคาน์ตี้ คาดว่า เว็บไซต์ดังกล่าวจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเพิ่งมีการปรับเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายมากขึ้น
“สาเหตุที่เราก่อตั้งเว็บไซต์นี้ขึ้นเพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของกู๊ดวิลล์ที่ต้องทำเพื่อส่วนอื่นๆ ขององค์กรด้วย โดยเฉพาะการเพิ่มทำกำไรสูงสุดให้แก่สินค้าของพวกเขา” ทาลาริโค กล่าว
แนวคิดแสวงหากำไรสูงสุดในกิจการเพื่อสังคมดังกล่าวอาจไม่ถือว่าแปลกนัก เพราะทุกองค์กร โดยเฉพาะกิจการที่มีขนาดใหญ่อย่างกู๊ดวิลล์ ต้องแข่งขันในตลาดเพื่อให้ดำเนินกิจการและยังคงตอบแทนสังคมต่อไปได้
“ถึงแม้ว่าเว็บไซต์จะจัดทำขึ้นและดำเนินการโดยองค์กรเพื่อการกุศล แต่เราต้องดำเนินงานอย่างกิจการเพื่อสังคม เพราะถ้าเราไม่ดำเนินงานเพื่อแสวงหากำไรสูงสุดจากสินค้าที่ได้รับการบริจาค โครงการก็จะดำเนินต่อไปไม่ได้”ทาลาริโค กล่าว
อย่างไรก็ดี การเปิดเว็บไซต์ดังกล่าวถือเป็นก้าวที่สำคัญขององค์กร ที่เคยมุ่งเน้นแต่การจำหน่ายสินค้าบริจาคผ่านทางหน้าร้าน โดยเฉพาะในยุคที่ผู้คนทั่วโลกหันมาซื้อสินค้าออนไลน์จากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่มากขึ้น ดังนั้นการช่วยเหลือผู้อื่นก็ยังสามารถทำได้สะดวกมากขึ้น โดยทาลาริโคระบุว่า กู๊ดวิลล์สาขาออเรนจ์ เคาน์ตี้ ถือเป็นผู้บุกเบิกคนสำคัญขององค์กร
ขณะเดียวกัน องค์กรกู๊ดวิลล์ก็ยังคงเดินหน้าสร้างโอกาสและช่วยเหลือสังคมต่อไป โดยสาขาออเรนจ์ เคาน์ตี้กำลังจะเปิดตัวแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนใหม่ ที่สามารถให้ผู้ใช้ประมูลสินค้าหน้าเว็บไซต์ shopgoodwill.com ผ่านหน้าแอพได้เพื่อความสะดวกสบายมากขึ้น
“การกระทำเพื่อสังคมทุกอย่างขององค์กรเราสะท้อนถึงหัวใจหลักที่เราเชื่อมั่นว่า การช่วยย่อมดีกว่าการให้” ทาลาริโค กล่าว