posttoday

เรื่องเล่าบนลวดลาย

01 เมษายน 2561

จะด้วยตั้งใจหรือไม่ หลายคนผ่านช่วงเวลาในชีวิตมาพร้อมลวดลายบางอย่างบนผิวหนัง

โดย ณศักต์ อัจจิมาธร

จะด้วยตั้งใจหรือไม่ หลายคนผ่านช่วงเวลาในชีวิตมาพร้อมลวดลายบางอย่างบนผิวหนัง

บ้างเป็นรูปภาพ บ้างก็เป็นข้อความ บ้างเป็นสัญลักษณ์ บางลวดลายแลดูสวยงาม แต่บางลวดลายก็ไม่

บางคนอาจมองว่าลวดลายเหล่านั้นอาจเป็นสิ่งรกตา ดูสกปรก หรือบางครั้ง​ก็อาจตัดสินตัวตนของผู้เป็นเจ้าของรอยสักนั้นไปโดยยังไม่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคนผู้นั้น

หญิงสาวคนหนึ่งตัดสินใจประทับเรื่องราวความรักของเธอไว้บนร่างกายด้วยรูปภาพและสัญลักษณ์ตัวอักษรที่บ่งบอกถึงชื่อของแฟนหนุ่ม

ทว่า เมื่อเวลาผ่านไปความรักนั้นกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่ฝันไว้ และสุดท้ายความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนก็จบลง หญิงสาวตัดสินใจวาดลวดลายใหม่ลงไปบนผิวหนังทับภาพเดิมที่เคยเป็นพยานแห่งความรักระหว่างแฟนหนุ่ม

ภาพใหม่ที่บนร่างของเธอเป็นภาพมีดที่แทงทะลุหัวใจ สะท้อนความรักอันเป็นพิษที่ทำให้ต้องเจ็บปวด

ใครบางคนถามว่าทำไมไม่ลบรอยสักเดิมทิ้งเสีย เพราะขนาดก็ไม่ได้ใหญ่มากมาย แถมการเพิ่มรอยสักใหม่ทับลวดลายเดิมก็ทำให้ลวดลายใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก

เธอตอบว่า เธออยากบันทึกความเจ็บปวดจากความรักที่เคยเผชิญไว้เป็นเครื่องเตือนใจในชีวิต อย่างน้อยทุกครั้งที่เห็นภาพลวดลายบนเรือนร่างก็ทำให้นึกถึงทั้งช่วงเวลาอันมีความสุขในยามที่ความรักหวานชื่น และช่วงเวลาที่ต้องเจ็บปวดเมื่อมันจืดจางลง

และเมื่อจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่กับใครอีก ลวดลายที่สักไว้ก็เป็นเครื่องเตือนใจว่า ความรักของคนสองคนไม่ใช่เรื่องชั่วฟ้าดินสลาย ไม่วันใดก็วันหนึ่งมันต้องมีการจากลา

“เตือนใจไว้แบบนี้จะได้ไม่เจ็บมากเมื่อถึงวันที่ทุกอย่างต้องจบ” เธอว่า

ชายหนุ่มบางคนผ่านช่วงชีวิต 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ พร้อมกับลวดลายจากหมึกสีดำบนต้นแขน

แม้ลวดลายบิดๆ เบี้ยวๆ ไม่ได้เป็นรูปทรง และก็ไม่ได้สวยงามตามที่รอยสักมาตรฐานควรจะเป็น

แต่ทุกครั้งที่ชายหนุ่มก้มลงไปมองรอยสักบนต้นแขน เขาจะนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่บรรจงพันเข็มเย็บผ้ากับตะเกียบก่อนจะจุ่มหมึกและทิ่มลงบนผิวหนังของเขา ที่มีภาพร่างรอยสักจากปากกาลูกลื่นวาดไว้

เมื่อเงินไม่มีพอไปจ่ายค่าช่างสักมือโปรราคาแพง แต่อยากมีรอยสักไว้ประดับกาย อุปกรณ์บ้านๆ กับเพื่อนคนหนึ่งจึงเป็นทางออก

ลวดลายไม่ใหญ่ไม่เล็กบนต้นแขนกว่าจะเสร็จใช้เวลาหลายวัน

ช่วงเวลาระหว่างการสักนั้น เรื่องราวที่พูดคุยกันระหว่างชายหนุ่มกับเพื่อนของเขายังอยู่ในใจมาจนถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกับมิตรภาพที่คงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แม้ในวันนี้เพื่อนคนนั้นจะจากลาโลกใบนี้ไปแล้วก็ตาม

ใครบางคนถามนึกเสียใจบ้างไหม ที่ได้รอยสักบิดๆ เบี้ยวๆ แบบนี้มาอยู่บนร่างกาย​ๆ

ชายหนุ่มตอบว่า “เรื่องเสียใจคงไม่ เพราะมันเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจให้นึกถึงเพื่อนดีๆ คนหนึ่ง”

“แต่ถ้าเป็นไปได้ก็คงอยากให้มันสวยกว่านี้สักนิด” เขากล่าวติดตลก

ช่างสักหนุ่มผู้วาดลวดลายลงบนผิวหนังของผู้คนมาแล้วจำนวนมาก เล่าว่า นอกจากความสวยงามที่ทำให้ผู้คนตัดสินใจเดินเข้าร้านสักแล้ว ลูกค้าเกือบทั้งหมดที่มาหาล้วนมีเรื่องราวบางอย่างที่อยากประทับไว้บนร่างกายไม่ให้ลืมเลือนเมื่อเวลาผ่านไป

บนผิวอกข้างซ้ายของชายหนุ่มมีภาพเด็กน้อยคนหนึ่งประทับอยู่ เขาบอกด้วยรอยยิ้ม “ลูกผมเอง”

อยากสักไว้ให้เขาดูเมื่อโตขึ้น ให้เขารู้ว่าตอนเด็กๆ เขาหน้าตาเป็นยังไง อยากให้เขารู้ว่าพ่อรักเขามากแค่ไหน ให้เขารู้ว่าเขาอยู่ในใจพ่อเสมอ” ช่างสักหนุ่มกล่าว

สำหรับบางคนการบันทึกความทรงจำอาจไม่ใช่การเขียนหรือถ่ายภาพเพื่อเก็บช่วงเวลาเหล่านั้นไว้ แต่เขาใช้ร่างกายเป็นสมุดจดบันทึกเพื่อให้ระลึกถึงได้ทุกครั้งที่ได้เห็นทุกรอยสักมักมีเรื่องเล่าเสมอ...