มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ นิยามใหม่ครอสโอเวอร์
ลองขับมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ หลังประกาศเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 17 ส.ค.นี้ หวังขยายเซ็กเมนต์ใหม่ในไทย
โดย...ภูวดล โกมลรัตนเสถียร
หลังจากที่ต้องเลื่อนกำหนดการเปิดตัว รถยนต์รุ่นใหม่ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ออกไปจากเดิมที่จะอยู่ในช่วงต้นปี ที่ผ่านมา ล่าสุด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ประกาศอย่างชัดเจนถึงความพร้อมที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และประกาศราคาขายให้ลูกค้าที่ ตั้งตารอรับทราบและเป็นเจ้าของพร้อมกัน ในช่วงวันที่ 17 ส.ค.นี้ ภายในงาน บิ๊กมอเตอร์ เซลล์ 2018 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่มิตซูบิชิ ได้เคยเปิดตัว ปาเจโร่ สปอร์ต ครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
งานนี้ มิตซูบิชิ ได้เรียกน้ำย่อย จัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะการขับขี่ให้กับสื่อมวลชนในเส้นทางเชียงราย พะเยา แพร่ พิษณุโลก และสุโขทัย ด้วยระยะทางรวมกว่า 450 กิโลเมตร บนเส้นทางที่หลากหลาย ทั้งถนนลูกรัง ถนนทางหลวง รวมถึงสภาพการจราจรในเมือง
"โพสต์ทูเดย์" มีโอกาสโดดเข้าร่วมลองขับ เอ็กซ์แพนเดอร์ รถยนต์เซ็กเมนต์ใหม่ของมิตซูบิชิที่ชูถึงนิยามใหม่ของครอสโอเวอร์เพื่อเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย สาเหตุสำคัญที่ให้นิยามเป็นครอสโอเวอร์ มาจากลักษณะของตัวรถที่มีความสูงใหญ่ ขนาดความยาว และความกว้างกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แตกต่างกับตลาดเอ็มพีวี มิตซูบิชิจึงใช้โอกาสนี้ในการสร้างการรับรู้ทางตลาดให้กับผู้บริโภค และเป็นการขยายฐานตลาดให้กว้างขึ้น
ไฮไลต์สำคัญของรุ่นนี้ มีด้วยกัน 3 จุดหลัก เริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ ผ่านการออกแบบด้วย Advance Dynamic Shield ด้วยกระจังหน้าที่โฉบเฉี่ยว คล้ายรถยนต์ต้นแบบ เพิ่มความดุดันให้กับรถมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับความสูงใต้ท้องรถ 205 มม. ใกล้เคียงกับประเภทของรถกระบะ ช่วยให้เอ็กซ์แพนเดอร์นี้สามารถขับผ่านช่วงใต้อย่างไร้อุปสรรคในทุกๆ เส้นทางทั้งเรียบ ลาดชัน และรองรับผู้โดยสาร รวมถึงสัมภาระได้อย่างเต็มที่
มาถึงไฟด้านหน้า จะมีไฟหรี่แบบคริสตัลไลต์สีขาว ที่อยู่ด้านบนไฟเลี้ยวและไฟหน้ามัลติรีเฟล็กซ์เตอร์แบบ ฮาโลเจน ที่อยู่ภายใต้วัสดุโพลีเมอร์ที่มีความแข็งแรง เพื่อป้องกันแสงไปแยงตา ผู้ขับขี่รถที่สวนมา พร้อมไฟตัดหมอก คู่หน้า ขณะที่ด้านหลังของตัวรถยนต์ทุกอย่างออกแบบรับกับเส้นสายด้านข้าง ของตัวรถ ด้วยไฟท้ายแบบแอลอีดี พร้อมแผ่นสะท้อนแสงบริเวณกัน ชนท้าย มีไฟเบรกดวงที่ 3 แบบแอลอีดี
ถัดมาอีกหนึ่งจุดขายที่มิตซูบิชิ ชูความโดดเด่น คือ ห้องโดยสารที่มีความกว้างขวาง เรียกว่ามีขนาดใหญ่ที่สุด ทั้งความกว้างและความยาวในรถยนต์ระดับเดียวกัน มาพร้อมห้องโดยสาร 3 แถว 7 ที่นั่ง สามารถปรับพับได้หลากหลายรูปแบบการใช้งาน ซึ่งเบาะผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งแถวที่ 1 และ 2 สามารถรองรับผู้โดยสารที่มีน้ำหนักตัวมาก รวมถึง ความสูงตั้งแต่ 185 เซนติเมตรขึ้นไป ให้นั่งได้อย่างสบายตลอดการเดินทาง สามารถยืดเหยียดขาและมีพื้นที่เหลือโดยไม่รู้สึกอึดอัด
ขณะเดียวกัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ให้ทันยุคสมัยและเพื่อเป็นรถที่ใช้กับกลุ่มครอบครัว มิตซูบิชิใส่ใจรายละเอียดเพิ่มช่องเก็บสัมภาระ ที่เก็บของ ทั่วห้องโดยสาร รวมไปถึงมีที่เก็บของใต้ห้องเก็บสัมภาระและเบาะ ผู้โดยสาร อีกทั้งเพิ่มช่องจ่ายกระแสไฟฟ้า 12 โวลต์ ถึง 3 ตำแหน่ง ซึ่งภายในห้องโดยสาร ภาพรวมถือว่าเรียบง่าย มีวิสัยทัศน์ด้านหน้าปลอดโปร่ง ตกแต่งด้วยโทนสีดำของรุ่นสีเงิน และสีเปียโนแบล็กท็อป เครื่องเสียงพร้อมจอระบบสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว พร้อมเบาะหนังสีดำ
ด้านขุมพลัง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์อะลูมิเนียมอัลลอยเบนซินขนาด 1.5 ลิตร 16 วาล์ว 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด มีน้ำหนักรวมอยู่ที่ 1,700 กิโลกรัม
จากการลองเหยียบคันเร่ง พบว่าอัตราการเร่งสามารถทำได้ดีทีเดียวสำหรับรถยนต์ที่มีขุมพลังเช่นนี้ ไม่มีความอืดอย่างที่คิดไว้ในภาพแรก ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับรถครอบครัว ที่สามารถเร่งแซงได้จริง ทั้งในเมืองและนอกเมือง ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยที่ 10 กิโลเมตร/ลิตร และมีการเก็บเสียงที่ดีในระดับที่ยอมรับได้ ซึ่งถือว่าสามารถมอบความไว้ใจในการเดินทางกับรถยนต์คันนี้ ด้วยคันเร่งที่เบาเท้า กดคิกดาวน์ได้อย่างสบาย
ทั้งนี้ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ค่ายรถมิตซูบิชิได้ทดสอบด้วยอัตราความเร็วคงที่จะอยู่ที่ 14.5 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนการเร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะอยู่ที่ 14-15 วินาที
ขณะที่การยึดเกาะถนนและการเข้าโค้งด้วยความเร็วที่สูง เอ็กซ์แพนเดอร์ ถือว่าสอบผ่านหากเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกันสามารถทำได้ดี ด้วยการเพิ่มจุดยึดโครงสร้างตัวถัง ไม่ให้เกิดการบิดตัว และจุดยึดโครงสร้างในช่วงล่างด้านหลัง และช่วงล่างที่มีโช้กอัพด้านหน้า และหลังด้วยวาล์วสมรรถนะสูง
ท้ายที่สุด เชื่อว่า มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มครอบครัว ในไทยจะมี 2 รุ่น ได้เก่ รุ่นท็อป จีที และรุ่นธรรมดา จีแอลเอส แอล ทีดี 4 สี ได้แก่ สีเทา สีดำ สีขาวมุก และสีเงิน
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจสุดท้าย ก็คือการตั้งราคาของทางมิตซูบูชิว่า จะเหมาะสม และสร้างความคุ้มค่ากับการรอคอยของลูกค้าหรือไม่ หากมีการตั้งราคาที่พอเหมาะพอดี เชื่อว่า ยอดขายปีแรกอาจทะลุเกิน 1 หมื่นคัน และเป็นปัจจัยสำคัญช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในปีนี้ให้โตกว่า 8.4% อย่างแน่นอน