posttoday

กยศ.เล็งดึงลูกหนี้3กลุ่มเข้ากองทุนระงับการเรียกชำระหนี้

30 กันยายน 2561

กยศ.เล็งออกมาตรการช่วยลูกหนี้ "ถูกจำคุกตลอดชีวิต-ล้มละลาย-โรคติดต่อร้ายแรง"ดึงเข้ากองทุนระงับการเรียกชำระหนี้

กยศ.เล็งออกมาตรการช่วยลูกหนี้ "ถูกจำคุกตลอดชีวิต-ล้มละลาย-โรคติดต่อร้ายแรง"ดึงเข้ากองทุนระงับการเรียกชำระหนี้

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กยศ.กำลังพิจารณาหาแนวทางกำกับดูแลกลุ่มลูกหนี้ที่มีเหตุจำเป็น ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ อาทิ กลุ่มลูกหนี้ที่เป็นนักโทษ ลูกหนี้ที่ถูกศาลพิพากษาเป็นคนล้มละลาย ลูกหนี้ที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง รวมทั้งมีลูกหนี้ที่บวชเป็นพระ โดยจะเข้าไปดูว่าจะมีแนวทางการติดตาม หรือแก้ปัญหาหนี้อย่างไรให้เหมาะสม เพื่อให้ผู้กู้ที่มีการชำระดีแต่เกิดเหตุจำเป็นได้รับการดูแลจากกองทุนฯ

"ที่ผ่านมา กยศ.ได้รับแจ้งสถานะลูกหนี้หลายกรณี เช่น บางคนบวชเป็นพระไม่ยอมสึก ก็แจ้งว่าขอผ่อนผันการชำระหนี้ได้ไหม มีบางรายส่งจดหมายบอกว่ากำลังติดคุกอยู่ 20 ปี แต่หลังพ้นโทษจะมาชำระหนี้ให้ไม่โกงแน่นอน รวมถึงลูกหนี้กลุ่มอื่นอาจประสบอุบัติเหตุ หรือผู้ป่วยโรคร้ายแรง กยศ.ก็จะพิจารณาว่าควรดูแลอย่างไรได้บ้าง"ผู้จัดการ กยศ.กกล่าว

ทั้งนี้ที่ผ่านมา กยศ.ได้มีการออกเกณฑ์ผ่อนผันชำระหนี้ให้อยู่แล้ว ใน 3 กรณี คือ เป็นผู้ไม่มีรายได้ เป็นผู้มีรายได้น้อยกว่าเดือนละ 4,700 บาท หรือเป็นผู้ประสบภัยพิบัติจากอัคคีภัย วาตภัย ภัยธรรมชาติ สงคราม จลาจล ซึ่งทรัพย์สินเสียหายรุนแรง โดยสามารถผ่อนผันได้คราวละไม่เกิน 6 เดือน รวมระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี และไม่เสียค่าปรับ ค่าธรรมเนียม รวมถึงให้ผ่อนได้ไม่น้อยกว่า 300 บาทต่อเดือน หรือ 2,400 บาทต่อเดือน แต่ต้องไม่น้อยกว่าดอกเบี้ย

สำหรับการระงับหนี้ จะทำให้ก็ต่อเมื่อผู้กู้ยืมถึงแก่ความตาย ส่วนการระงับการเรียกให้ชำระหนี้จะต้องเป็นผู้พิการ หรือทุพพลภาพจนไม่สามารถประกอบการงานได้ แต่จะต้องมีการกรอกแบบฟอร์มหนังสือรับรอง พร้อมแนบเอกสารหลักฐาน

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า แนวทางการช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ จะมีการพิจารณาให้กองทุนระงับการเรียกชำระหนี้เพิ่มเติมอีก 3 กรณี จากเดิมที่จะระงับหนี้ให้กรณีเป็นผู้พิการหรือทุพพลภาพ โดยอาจจะเพิ่มเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นโรคร้ายแรงที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ลูกหนี้ที่ถูกตัดสินใจจำคุกตลอดชีวิต และถูกคำสั่งศาลให้เป็นบุคคลล้มละลาย แต่ต้องมาแจ้งพร้อมแสดงหลักฐานกับ กยศ.ก่อน

อย่างไรก็ตามในส่วนของลูกหนี้ที่บวชเป็นพระ กยศ.ยังไม่ได้มีการยกเว้นหนี้ให้แต่อย่างใด เนื่องจากพระยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าจะสึกออกมาเมื่อไร หรือกรณีนักโทษที่มีโทษจำคุกไม่ตลอดชีวิตก็จะไม่เข้าเกณฑ์การระงับการชำระหนี้

นายชัยณรงค์กล่าวว่า กลุ่มลูกหนี้ที่มีเหตุจำเป็นไม่สามารถชำระหนี้ยังมีจำนวนไม่เยอะ เพราะส่วนใหญ่การผิดนัดชำระจะมาจากการมีเจตนาไม่ผ่อนชำระมากกว่า เช่น เมื่อเรียนจบออกมามีงานมีรายได้ ก็เลือกนำไปใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ซื้อโทรศัพท์มือถือ ซื้อรถยนต์ก่อน ทั้งที่ยอดผ่อนชำระแต่ละปีไม่ได้ใช้เงินมาก เพียงเริ่มต้นแค่ 1,500 บาทต่อปีเท่านั้น

ดังนั้น หลังจากนี้ กยศ.กำลังผลักดันการบังคับชำระหนี้ด้วยการหักบัญชีเงินเดือนแทน ซึ่งที่ผ่านมาได้นำร่องหักลูกหนี้ ที่เป็นข้าราชการกรมบัญชีกลางไปแล้วตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา และภายในสิ้นปีตั้งเป้าหมายขยายการหักเงินเดือนไปยังข้าราชการหน่วยงานอื่น ที่ได้รับเงินเดือนผ่านระบบจ่ายตรงเงินเดือนและค่าจ้างประจำของกรมบัญชีกลางอีกกว่าแสนราย ส่วนการหักหนี้จากบัญชีเงินจากลูกจ้างบริษัทเอกชนจะมีการเจรจากับภาคเอกชนในปลายปีนี้ และคาดว่าจะเริ่มหักเงินเดือนได้จริงในปี 62 โดยจะเริ่มต้นหักจากบริษัทขนาดใหญ่ ธนาคารพาณิชย์ รัฐวิสาหกิจก่อนและค่อยขยายไปบริษัทรายกลางและรายเล็ก