เมรุลอยนกหัสดีลิงค์ งานพระราชทานเพลิงหลวงพ่อคูณ

13 มกราคม 2562

วันที่ 26 ม.ค. 2562 ถนนทุกสาย ประชาชนคนไทยและชาวพุทธจากทั่วสารทิศ

วันที่ 26 ม.ค. 2562 ถนนทุกสาย ประชาชนคนไทยและชาวพุทธจากทั่วสารทิศ จะมุ่งสู่พุทธมณฑลอีสาน จ.ขอนแก่น เพื่อร่วมในงานประกอบพิธีพระราชเพลิงศพ พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ณ พุทธมณฑลอีสาน จ.ขอนแก่น

ต้องยอมรับว่า หลวงพ่อคูณ ในขณะที่มีชีวิตอยู่นั้น ท่านเป็นพระมหาเถระที่มีเมตตาสูงมาก และสร้างคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองและพระพุทธศาสนาเป็นอเนกอนันต์ ไม่สามารถพรรณนาได้หมดสิ้นได้ ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีแต่ให้และให้มาทั้งชีวิต ทั้งให้ธรรมะง่ายๆ และเข้าใจง่าย ส่วนมากจะเตือนไม่ให้คนประมาท ทั้งบริจาคเงินสร้างโรงพยาบาล โรงเรียน สร้างวัด พัฒนาชุมชน และสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์อื่นๆ

ตลอดจนช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน และแม้กระทั่งสรีระสังขารของท่านก็ยังบริจาคให้กับโรงพยาบาลเป็นอาจารย์ใหญ่ให้แพทย์และนักเรียนแพทย์ได้ศึกษา ซึ่งหลวงพ่อคูณได้แสดงให้เห็นว่า ทุกชีวิตเมื่อตายแล้วไม่สามารถที่จะเอาอะไรติดตัวไปได้ นอกจากบุญและบาปตามคติของพระพุทธศาสนา

เมรุลอยนกหัสดีลิงค์ งานพระราชทานเพลิงหลวงพ่อคูณ

ด้วยความที่ท่านเป็นพระผู้ใหญ่ที่ทำคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองและพระพุทธศาสนาและเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนคนไทยและชาวพุทธ ในการประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพของท่านจึงได้มีการสร้างเมรุลอยนกหัสดีลิงค์เพื่อถวายเกียรติท่าน โดยมีมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นผู้สร้าง ซึ่งการสร้างเมรุลอยนกหัสดีลิงค์ตามประเพณีโบราณจะจัดสร้างขึ้นเฉพาะในการพระศพของเจ้านายชั้นสูง และพระเถระผู้ใหญ่

รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประธานฝ่ายก่อสร้างนกหัสดีลิงค์ กล่าวว่า เป็นการสร้างขึ้นภายใต้งานวิจัยศึกษาค้นคว้า ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ การศึกษาข้อมูล การออกแบบ และการก่อสร้าง ซึ่งการศึกษาข้อมูลได้ทำการสำรวจวรรณคดีโบราณโดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในการจัดพิธีฌาปนกิจศพพระเถระชั้นผู้ใหญ่ให้เป็นไปตามธรรมเนียมประเพณีที่เหมาะสมดี

การออกแบบได้ถอดอัตลักษณ์ของหลวงพ่อคูณจากความเรียบง่ายสู่งานศิลปะสีขาวบริสุทธิ์ และเมื่อถอดรหัสเอกลักษณ์ของหลวงพ่อผ่านงานศิลปะที่พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่พบว่ามีรูปปั้นช้างมี 4 งา ส่วนหัวของนกหัสดีลิงค์จึงเป็นช้าง 4 งา ด้วยเช่นกัน ขณะที่ด้านการก่อสร้างโดยช่างสิบหมู่ ได้รับเกียรติจากช่างหลายสถาบันทั้งภาครัฐและเอกชน ช่างศิษยานุศิษย์มาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะไทยโบราณ อาทิ เขียน แกะ สลัก ปั้น ปูน รัก หุ่น บุ กลึง หล่อ โดยมีศูนย์กลางก่อสร้างที่ริมบึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เมรุลอยนกหัสดีลิงค์ งานพระราชทานเพลิงหลวงพ่อคูณ

โครงสร้างตัวนกเป็นไม้เนื้อแข็ง สูง 22.6 เมตร นำไม้ไผ่มาทำโครงด้านนอก และใช้กระดาษสีขาวมาพับคล้ายการทำเปเปอร์มาเช่ หรือประติมากรรมกระดาษ ซึ่งทั้งหมดจะถูกเผาพร้อมกับร่างหลวงพ่อในวันที่ประกอบพิธีฌาปนกิจ ประดิษฐานบนฐานแปดเหลี่ยม กว้าง 16 เมตร ประกอบด้วยนาคที่มีความยาว 5 เมตร 12 ตน และรายล้อมด้วยสัตว์หิมพานต์ 32 ตน”

ปัจจุบันการก่อสร้างนกหัสดีลิงค์ได้ดำเนินแล้วเสร็จประมาณ 90% ซึ่งได้ทำการเคลื่อนย้ายไปประดิษฐาน ณ พุทธมณฑลอีสาน เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2562 จากนั้นจะทำการติดตั้งใช้เวลาประมาณ 10 วัน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จครบถ้วน ภายในวันที่ 21 ม.ค. ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่วันที่ 21-28 ม.ค.เท่านั้น

“เมื่อเข้าสู่วันที่ 29 ม.ค. จะทำการเคลื่อนย้ายสรีระหลวงพ่อคูณจากศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มายังพุทธมณฑลอีสาน ซึ่งไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปยังมณฑลพิธีได้ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการดำเนินงานได้จัดเตรียมจุดสักการะไว้ให้ประชาชนได้วางดอกไม้จันทน์ไว้อย่างเหมาะสม”

เมรุลอยนกหัสดีลิงค์ งานพระราชทานเพลิงหลวงพ่อคูณ

รศ.ดร.นิยม กล่าวว่า การก่อสร้างนกหัสดีลิงค์นอกจากคำนึงถึงข้อมูลจากการวิจัยแล้วยังคำนึงถึงโลง 3 โลง ประกอบด้วย โลงที่ 1 ทำด้วยไม้จันทน์หอม สำหรับบรรจุสรีระหลวงพ่อคูณ โลงที่ 2 โลงสเตนเลส วางบนท่อนฟืนไม้จิก ล็อกด้วยกุญแจ 4 ตัว เพื่อกันเปลวไฟไม่ให้เข้าไปถึงเถ้ากระดูกหลวงพ่อได้ โลงสุดท้ายคือประติมากรรมนกหัสดีลิงค์ที่ครอบโลง 1 และ 2 อยู่ เมื่อฌาปนกิจแล้วร่างหลวงพ่อจะอยู่ในโลงสเตนเลสกันเปลวไฟ และโลงจะล็อกไม่ให้ผู้ใดสามารถเข้าถึงเถ้ากระดูกได้ ตามประสงค์ของหลวงพ่อ ซึ่งได้เตรียมการประกอบพิธีกรรมนางสีดาฆ่านกหัสดีลิงค์ตามขนบธรรมเนียมไทย เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

สำหรับตำนาน “นกหัสดีลิงค์” นั้น มีส่วนหัวเป็นช้าง ตัวเป็นนกใหญ่ มีกำลังมหาศาล มาจากตำนานโบราณของนครตักศิลาเชียงรุ้งแสนหวีฟ้ามหานคร เมื่อพระมหากษัตริย์สวรรคตต้องอัญเชิญพระศพออกไปฌาปนกิจที่ทุ่งหลวง จะมีนกหัสดีลิงค์บินมาจากป่าหิมพานต์บินโฉบลงมาเอาพระศพไป เมื่อพระมหาเทวีเห็นก็ประกาศให้คนเข้าต่อสู้เพื่อแย่งพระศพคืนมา นางสีดาจึงอาสาต่อสู้โดยใช้ศรอาบยาพิษยิงนกหัสดีลิงค์ถึงแก่ความตายตกลงมาพร้อมพระศพ พระมหาเทวีจึงโปรดสั่งให้ช่างทำเมรุคือหอแก้วบนหลังนกหัสดีลิงค์ แล้วถวายพระเพลิงไปพร้อมกัน หลังจากนั้นมาจึงได้ถือเอาประเพณีทำนกหัสดีลิงค์ประกอบเมรุของชั้นเจ้านาย ตามความเชื่อที่ว่า นกหัสดีลิงค์ สามารถนำดวงวิญญาณของผู้ตายไปสู่สวรรค์ได้

เมรุลอยนกหัสดีลิงค์ งานพระราชทานเพลิงหลวงพ่อคูณ

งานครั้งนี้หลังเสร็จพิธีฯ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับอนุมัติจากคณะดำเนินงานพิธีพระราชทานเพลิงศพครูใหญ่ พระเทพวิทยาคม เป็นกรณีพิเศษ ให้สร้างเจดีย์ครอบบริเวณที่ทำฌาปนกิจสรีระหลวงพ่อคูณ โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายนาคและสัตว์ป่าหิมพานต์ รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานชาวพุทธรำลึกถึงหลวงพ่อคูณตลอดกาล

Thailand Web Stat