ชมผ่อนคลายมาตรการสินเชื่ออสังหาฯ กระตุ้นศก.ไทยคึก
นักวิชาการ ชมผ่อนคลายมาตรการสินเชื่ออสังหาฯ กระตุ้นศก.ไทยคึกเกิดธุรกรรมซื้อขาย การจ้างงานและการลงทุนเพิ่มขึ้นในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า
ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต เปิดเผยว่า สนับสนุนการผ่อนคลายมาตรการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดกระตุ้นในเกิดธุรกรรมซื้อขาย การจ้างงานและการลงทุนเพิ่มขึ้นในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า การประกาศมาตรการผ่อนคลายมาตรการ LTV ชั่วคราวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้และต่อเนื่องไปถึงปีหน้า คาดว่า ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ภาคก่อสร้างและธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้าง
รวมทั้ง โรงแรมและรีสอร์ทในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีปัญหาสภาพคล่องและเจ้าของเดิมไม่สามารถดำเนินการธุรกิจต่อได้ จะถูกเปลี่ยนมือเป็นผู้ลงทุนรายใหม่ได้ง่ายขึ้น หากพิจารณารายละเอียดของมาตรการแบงก์ชาติ พบว่า การกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) เป็นร้อยละ 100 สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย จะสามารถกระตุ้นในเกิดธุรกรรมซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็นประโยชน์ทั้งประชาชนผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของสถาบันการเงินต่างๆ
นอกจากนี้ ธุรกิจตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์จะได้รับผลบวกอีกด้วย โดยคาดว่า จะทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบประมาณร้อยละ 9.8 ของจีดีพี ทำให้เกิดการจ้างงาน 2.8 ล้านตามการคาดการณ์ของแบงก์ชาติ ซึ่งการผ่อนคลายชั่วคราวเป็นระยะหนึ่งปีนั้น อาจสั้นเกินไป ควรผ่อนคลายอย่างน้อย 2-3 ปี เพราะไม่เชื่อว่าจะมีสัญญาณฟองสบู่ใดๆในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้านี้ และ ไม่มีสัญญาณหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงเนื่องจากสถาบันการเงินส่วนใหญ่ล้วนมีมาตรการปล่อยสินเชื่อที่ค่อนข้างรัดกุมอยู่แล้ว
ดร. อนุสรณ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจสองเดือนสุดท้าย กระเตื้องขึ้นชัดเจนจากการเปิดประเทศ เงินจะสะพัดมากขึ้น ไม่มีความจำเป็นใดๆ ในขณะนี้ในการชดเชยเกินพอดีจากการปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมัน ไม่ว่าจะกู้เงินก่อหนี้สาธารณะเพิ่มมาชดเชยราคาน้ำมันผ่านกองทุนน้ำมันหรือลดภาษีสรรพสามิตเพราะจะก่อให้เกิดปัญหาฐานะทางการคลังในระยะปานกลางและระยะยาวรวมทั้งไม่ส่งเสริมให้เกิดการปรับตัวของระบบเศรษฐกิจในการลดใช้พลังงาน ลดการปล่อยมลพิษลดภาวะโลกร้อน