posttoday

โนเกีย ร่วมวงแท็บเล็ต เตรียมส่ง NOKIA T20 บุกตลาดไทย พร้อมขยายช่องจำหน่ายทั่วไป

24 มกราคม 2565

โนเกีย แผนปี 65 ส่ง X ซีรีส์ลุยตลาดสมาร์ทโฟนระดับบนในไทย พร้อมเปิดตลาดแท็บเล็ตปีนี้ตั้งเป้าโต 100%

นายภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล จำกัด (HMD) ตัวแทนทำตลาดผลิตภัณฑ์โนเกีย (NOKIA) ประเทศไทย เปิดเผยว่าแนวทางการดำเนินธุรกิจโนเกียในประเทศไทยในปี 2565 พร้อมต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมาใน 4 แกนสำคัญ ได้แก่

แกนที่ 1 กลยุทธ์การเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพและหลากหลาย เพื่อขยายฐานลูกค้า ด้วยสมาร์ทโฟนในกลุ่ม C และ G ซีรีส์ ลงตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง เพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสทดลองใช้ และสัมผัสฟีเจอร์ ฟังก์ชั่นคุณภาพในราคาสมเหตุสมผลสำหรับผู้บริโภคกลุ่มเริ่มใช้สมาร์ทโฟน และผู้ใช้สมาร์ทโฟนระดับราคาสมเหตุสมผล

โดยในปีนี้ยังคงเน้นด้านผลิตภัณฑ์ พร้อมแผนเปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับบนในกลุ่ม X ซีรีส์ สมาร์ทโฟนระดับบนเพิ่มอีก เพื่อขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง

"รวมทั้งแผนเปิดตัวแท็บเล็ตตัวแรกของโนเกียเข้าสู่ตลาดแท็บเล็ตในประเทศไทย ด้วยเป้าหมายเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคตอบโจทย์การใช้งานอย่างครอบคลุมในทุกระดับ ที่มาพร้อมความโดดเด่น และแตกต่างอย่างลงตัว แต่ยังคงไว้ด้วยคุณสมบัติการใช้งาน จุดเด่นเทคโนโลยีกับระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่นล่าสุด รองรับทุกการใช้งานด้วย Google Mobile Service พร้อมกับเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์โนเกีย ด้านสเปกคุ้ม แบตอึดใช้งานได้นาน เพื่อบุกตลาดสมาร์ทโฟน" นายภราดร กล่าว 

ในแกนที่ 2 กลยุทธ์ด้านราคา ที่โนเกียจะทยอยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มาพร้อมราคาเครื่องที่มีทั้งราคาสำหรับกลุ่มเริ่มใช้สมาร์ทโฟนในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ไปถึงรุ่นที่สเปกสูงสำหรับตลาดสมาร์ทโฟนระดับบน พร้อมกับการเปิดตลาดแท็บเล็ต เพื่อเป็นการให้ราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่องในภาพรวมเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากแบรนด์โนเกียเริ่มเป็นที่รู้จักและผู้ใช้งานมีความมั่นใจในคุณภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาจำหน่ายสมาร์ทโฟนโนเกียเฉลี่ย 2,000 บาทต่อเครื่อง ในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000 ต่อเครื่อง และในปีนี้ตั้งเป้าขยับราคาเฉลี่ยเป็น 6,000 บาทต่อเครื่อง

แกนที่ 3 การขยายช่องทางขายที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ตลาดและผู้บริโภค โดยการมองหาพันธมิตรที่ดีมีศักยภาพตรงกลุ่มเป้าหมาย ผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศกว่า 4,000 สาขา เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญในการกระจายสินค้าออกไปให้ผู้บริโภคได้สัมผัสและทดลองใช้ ควบคู่ไปกับการมองหาพันธมิตรธุรกิจเพิ่ม เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

ขณะเดียวกัน ยังมีแผนเพิ่มช่องทางขายอีคอมเมิร์ซใหม่ๆ ไปพร้อมกับช่องทางอีมาร์เกตเพลสชั้นนำอย่าง Shopee Lazada และ JD Central ซึ่งเป็นช่องทางที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัลไลฟ์เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกที่ทุกเวลา รวมทั้งยังมีแผนจับมือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ วางหน่ายสมาร์ทโฟน Nokia พร้อมแพคเกจราคาพิเศษ ให้หลายหลายรุ่นยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ Nokia ในราคาที่คุ้มค่าได้ง่ายขึ้น

สุดท้าย แกนที่ 4 การสื่อสารการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์โนเกียให้แข็งแรงในตลาดประเทศไทย ภายใต้แนวคิด Love it. Trust it. Keep it. เน้นส่งมอบผลิตภัณฑ์ถึงมือผู้บริโภค โดยใส่ใจทุกรายละเอียด ผ่านขั้นตอนการผลิต และทดสอบที่ได้มาตรฐาน ให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนได้เข้าถึงคุณภาพตัวมือถือฟีเจอร์โฟน สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ที่ประกอบจากวัสดุคุณภาพ มาตรฐานสแกนดิเนียเวียน และให้ฟังก์ชั่นการใช้งานเกินราคา เน้นความคุ้มค่า คุ้มราคา คงทน ใช้งานได้นาน มอบประสบการณ์ให้เกิดความรู้สึกรักและไว้ใจในผลิตภัณฑ์ สามารถใช้งานได้นาน ด้วยความอึดของแบตเตอรี่ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รองรับการอัปเกรดได้นาน 2 ปี

พร้อมอัปเดตระบบรักษาความปลอดภัยได้นาน 3 ปี กับศูนย์ข้อมูลที่ฟินแลนด์ ซึ่งได้การรับรองจากสมาคม ioXt มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก พร้อมบริการหลังการขาย Nokia Mobile Care Delivery อยู่ที่ไหนก็ซ่อมได้ ซึ่งเป็นจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นของแบรนด์ Nokia โดยในปี 2565 ตั้งเป้าเติบโต 100% ในประเทศไทย

นายภราดร กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมานับเป็นปีที่ท้าทายในแง่ภาพรวมตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและผันผวน ประกอบกับวิถีชีวิตใหม่เพื่อการเว้นระยะห่างทางสังคม ด้านการเรียนและการทำงานบนโลกออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตแบบออนไลน์ในราคาที่สมเหตุสมผล สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ต้องรัดเข็มขัด ส่งผลให้ผู้บริโภคมองหา และเลือกสมาร์ทโฟนที่ราคาสมเหตุสมผล มีคุณภาพการใช้งานที่คุ้มค่า ทนทาน ตอบโจทย์ความต้องการ

โดย โนเกียได้เน้นหลักกลยุทธ์การสื่อสารการตลาด ชูจุดเด่นสมาร์ทโฟนคุณภาพตอบโจทย์การใช้งานในราคาคุ้มค่า และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างครอบคลุม ทำให้ในปีที่ผ่านมา โนเกียได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคกลุ่มเดิม และกลุ่มใหม่เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเปิดตัว และจำหน่ายฟีเจอร์โฟน สมาร์ทโฟนไป กว่า 5 รุ่นโดยเน้นจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และส่งตัวแทนขายลงในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 น้อยที่สุด อีกทั้งยังเดินเกมรุกตลาดอีคอมเมิร์ซชั้นนำ พ่วงด้วยแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษ และจับมือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือนำสมาร์ทโฟนเข้าจำหน่ายเฉพาะรุ่นเพื่อเป็นการเปิดตลาดอย่างต่อเนื่อง