posttoday

โชว์ศักยภาพพื้นที่อีอีซี ผุดนิคมฯใหม่ไทย-จีน ดึงลงทุน 4.58 หมื่นลบ.

18 มีนาคม 2565

“สุริยะ”เตรียมความพร้อมพื้นที่นิคมฯ ดึงลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ล่าสุดบอร์ดกนอ.ไฟเขียวตั้งนิคมฯใหม่ในอีอีซี ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเป้าหมาย อีก 2 ปีเปิดดำเนินการ

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ  รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างผลกระทบต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) แต่มั่นใจว่าการบริหารจัดการสถานการณ์และศักยภาพของประเทศไทยที่มีอยู่นั้น สามารถสร้างความสนใจให้กับหลายประเทศได้  โดยต้องอาศัยช่วงเวลานี้ บวกกับปัจจัยการย้ายฐานลงทุนและการผลิตของนักลงทุนต่างชาติจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการค้า(เทรดวอร์)ของจีนและสหรัฐ เร่งดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศให้ได้

“ผมได้กำชับให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เร่งดึงดูดการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมโดยการโชว์ศักยภาพและความพร้อมรองรับการลงทุน ขณะเดียวกันให้เตรียมความพร้อมนิคมอุตสาหกรรมทุกภูมิภาค เพื่อรองรับการเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของภาคอุตสาหกรรม โดยจะต้องตอบโจทย์ทุกการแข่งขัน ทั้งศักยภาพของระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ได้มาตรฐานสากลแบบครบวงจร รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก และการบริหารจัดการอย่างทั่วถึง ซึ่ง กนอ.เองก็มีโปรโมชั่นส่งเสริมการขายและเช่าที่ดินในนิคมฯออกมาอย่างต่อเนื่อง”นายสุริยะ กล่าว

ด้านนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.พร้อมดำเนินการตามนโยบาย เพื่อดึงนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ กนอ. (บอร์ด กนอ.) อนุมัติในหลักการให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 1 แห่ง โดยร่วมดำเนินงานกับ บริษัท พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมระยอง ไทย-จีน จำกัด ในรูปแบบของนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) การขยายตัวของอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve และ New S-Curve และอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

รวมถึงตอบสนองนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่มีศักยภาพตามยุทธศาสตร์ของประเทศเชิงพื้นที่ (Area

โชว์ศักยภาพพื้นที่อีอีซี ผุดนิคมฯใหม่ไทย-จีน ดึงลงทุน 4.58 หมื่นลบ.

based) โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนพัฒนาและให้บริการระบบสาธารณูปโภคภายใต้การกำกับของ กนอ.

สำหรับโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมหนองละลอก ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง พื้นที่ประมาณ 1,546 ไร่  โดยที่ตั้งของโครงการฯ ถือว่ามีความได้เปรียบจากการเป็นพื้นที่ดอน ไม่มีความเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม ด้านหน้าโครงการติดถนนทางหลวงแผ่นดิน และห่างจากทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เส้นทางชลบุรี-พัทยา ประมาณ 14 กิโลเมตร (กม.) อยู่ห่างจากท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ประมาณ 24 กม. ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ประมาณ 40 กม.ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง ประมาณ 60 กม. และห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 150 กม.

นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้พื้นที่เขตประกอบการอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง อาทิ เขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง  นิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซี และนิคมอุตสาหกรรม อาร์ ไอ แอล เป็นต้น

ทั้งนี้ ตัวโครงการแบ่งพื้นที่เป็นพื้นที่เขตอุตสาหกรรมทั่วไป ประมาณ 1,123 ไร่ พื้นที่โรงไฟฟ้า ประมาณ 22 ไร่ พื้นที่ระบบสาธารณูปโภค 181 ไร่ พื้นที่สีเขียวและแนวกันชน ประมาณ 218 ไร่ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพื้นที่ทั้งหมดและเปิดให้บริการได้ภายใน 2 ปี โดยหลังเปิดดำเนินการแล้วจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 45,840 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นประมาณ 11,460 คน

อย่างไรก็ตาม โครงการฯ อยู่ในพื้นที่เป้าหมายของ EEC อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ อีกทั้งผู้ประกอบการยังได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้มาตรการส่งเสริมของ EEC ด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถขาย/ให้เช่าพื้นที่ทั้งหมดได้ในระยะเวลา 5 ปี

“โครงการฯ ดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาพื้นที่อีอีซีของรัฐบาล ที่มีการขับเคลื่อนและพัฒนาพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการวางโครงสร้างพื้นฐานในระบบสาธารณูปโภค อาทิ รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภาเมืองการบินภาคตะวันออก ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการชักจูงให้มาลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย      S-Curve และ New S-Curve โดย กนอ.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้จัดเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับนักลงทุนซึ่งจากการพิจารณาข้อเสนอของการจัดตั้งนิคมฯ ดังกล่าวนั้น กนอ.เห็นว่า นอกจากศักยภาพของโครงการฯ ทั้งในด้านทำเลที่ตั้ง การเชื่อมโยงเครือข่ายด้านคมนาคมขนส่ง และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แล้ว บริษัทยังมีความพร้อม มีฐานลูกค้า และมีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจ คาดว่าจะทำให้โครงการฯ ประสบความสำเร็จได้” นายวีริศ กล่าว